Research
Permanent URI for this collection
Browse
Browsing Research by Author "กมลวรรณ ตั้งเจริญบำรุงสุข"
Now showing 1 - 2 of 2
Results Per Page
Sort Options
Item การวิเคราะห์ความผิดปกติของลายนิ้วมือในเด็กออทิสติก: โอกาสในการใช้เป็นเครื่องมือช่วยเหลือในการตรวจคัดกรองแว่นแก้ว ลีพึ่งธรรม; กมลวรรณ ตั้งเจริญบำรุงสุข; ทยุ บุตรประดิษฐ์; อรุณชัย ตั้งเจริญบำรุงสุข; ชูชาติ ธรรมเจริญกลุ่มอาการออทิสติกเป็นความผิดปกติทางพัฒนาการทเป็นผลจากความผิดปกติของสมอง ซึ่งในทางการแพทย์เชื่อว่าเกิดขึ้นในขณะเป็นทารกในครรภ์ของมารดา เนื่องจากช่วงที่เกิดการพัฒนาเป็นระบบประสาทและสมองในทารกเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่ลายนิ้วมือเกิดขึ้น จึงอาจเป็นไปได้ ว่าหากสมองผิดปกติแล้ว ลายนิ้วมืออาจผิดปกติด้วย ในโครงการวิจัยนี้ได้ประยุกต์ใช้การวิเคราะห์ ลายนิ้วมือในการตรวจเพื่อระบและจำแนกเด็กที่เป็นออทิสติกกับเด็กปกติ โดยใช้ตัวอย่างเด็กออทิสติก จำนวน 21 คน และเด็กปกติจำนวน 38 คน ซึ่งมีอายุระหว่าง 3 ถึง 7 ขวบ และได้รับความยินยอม จากผู้ปกครองของเด็กแล้ว ตรวจวัดลายนิ้วมือทั้ง 10 นิ้วของเด็กทั้งหมดโดยใช้เครื่องสแกนลายนิ้วมือ ชนิดอินฟราเรดที่มีความละเอียดจัดภาพเป็น 512 จุดต่อนิ้วและเก็บข้อมูลแบบสเกลสีเทาชนีด 8 บิต ทำการวิเคราะห์ลายนิ้วมือโดยใช้วิธีการวิเคราะห์ส่วนประกอบมุขสำคัญ เพื่อระบุตำแหน่งของ กลุ่มตัวอย่างของเด็กออทิสติกและเด็กปกติในปริภูมิของ 3 ส่วนประกอบมุขสำคัญแรก พบว่า ลายนิ้วมือของนิ้วก้อยซ้ายของกลุ่มเด็กออทิสติกแตกต่างอย่างชัดเจนจากกลุ่มเด็กปกติ แล้วทำการจำแนกความแตกต่างโดยใช้วิธีแนวเทียบกลุ่มของแบบจำลองอิสระเปลี่ยนได้ พบว่า สามารถจำแนก ความแตกต่างของลายนิ้วมือของนิ้วก้อยซ้ายได้อย่างถูกต้องทั้งหมด จากผลการวิจัยดังกล่าวจึงมีความเป็นไปได้ที่จะใช้การวิเคราะห์ลายนิ้วมือนี้ในการช่วยตรวจคัดกรองเด็กออทิสติกในเบื้องต้นได้ต่อไปItem นวัตกรรมใหม่ในการเพิ่มประสิทธิภาพในการตรวจคัดกรองเด็กออทิสติกด้วยการวิเคราะห์ลายนิ้วมือ(มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต) กมลวรรณ ตั้งเจริญบำรุงสุข; อรุณชัย ตั้งเจริญบำรุงสุข; ชูชาติ ธรรมเจริญ; ทยุ บุตรประดิษฐ์กลุ่มอาการออทิสติกเป็นความผิดปกติทางพัฒนาการที่เป็นผลจากความผิดปกติของสมอง ซึ่งในทางการแพทย์เชื่อว่าเกิดขึ้นในขณะเป็นทารกในครรภ์ของมารดา เนื่องจากช่วงที่เกิดการพัฒนาเป็นระบบประสาทและสมองในทารกเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่ลายนิ้วมือเกิดขึ้น จึงอาจเป็นไปได้ว่าหากสมองผิดปกติแล้ว ลายนิ้วมืออาจผิดปกติด้วย ในโครงการวิจัยนี้ได้ประยุกต์ใช้การวิเคราะห์ลายนิ้วมือในการตรวจเพื่อระบุและจำแนกเด็กที่เป็นออทิสติกกับเด็กปกติ โดยใช้ตัวอย่างเด็กออทิสติกจำนวน 19 คน และเด็กปกติจำนวน 28 คน ซึ่งมีอายุระหว่าง 3 ถึง 7 ขวบ และได้รับความยินยอมจากผู้ปกครองของเด็กแล้ว ตรวจวัดลายนิ้วมือทั้ง 10 นิ้วของเด็กทั้งหมดโดยใช้เครื่องสแกนลายนิ้วมือชนิดอินฟราเรดที่มีความละเอียดจุดภาพเป็น 512 จุดต่อนิ้วและเก็บข้อมูลแบบสเกลสีเทาชนิด 8 บิต ทำการวิเคราะห์ลายนิ้วมือโดยใช้วิธีการวิเคราะห์ส่วนประกอบมุขสำคัญ เพื่อระบุตำแหน่งของกลุ่มตัวอย่างของเด็กออทิสติกและเด็กปกติในปริภูมิของ 3 ส่วนประกอบมุขสำคัญแรกพบว่า ลายนิ้วมือของนิ้วก้อยซ้ายของกลุ่มเด็กออทิสติกแตกต่างอย่างชัดเจนจากกลุ่มเด็กปกติ แล้วทำการจำแนกความแตกต่างโดยใช้วิธีแนวเทียบกลุ่มของแบบจำลองอิสระเปลี่ยนได้พบว่า สามารถจำแนกความแตกต่างของลายนิ้วมือของนิ้วก้อยซ้ายได้อย่างถูกต้องทั้งหมด จากผลการวิจัยดังกล่าวจึงมีความเป็นไปได้ที่จะใช้การวิเคราะห์ลายนิ้วมือนี้ในการช่วยตรวจคัดกรองเด็กออทิสติกในเบื้องต้นได้ต่อไป