Suan Dusit University's Institutional Repository
คลังข้อมูลสารสนเทศของมหาวิทยาลัยสวนดุสิต

Communities in Suan Dusit
Select a community to browse its collections.
Recent Submissions
โรงเรียนการเรือน มหาวิทยาลัยสวนดุสิต จัดกิจกรรมปฐมนิเทศ หลักสูตรเชฟอาหารไทยมืออาชีพ (Master Thai Chef Program) (ภาคกลาง) ภายใต้โครงการส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์สาขาอาหาร ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568-วิทยาเขตสุพรรณบุรี
(โรงเรียนการเรือน มหาวิทยาลัยสวนดุสิต, 2025-08-18) โรงเรียนการเรือน
การพัฒนาสื่อการเรียนรู้ทางวิทยาศาสตร์สำหรับเด็กปฐมวัยของศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก สังกัดกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นในเขตพื้นที่จังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
(มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต) สุทัศน์ จันบัวลา; สุทธิพรรณ ธีรพงศ์; นิศารัตน์ อิสระมโนรส; สุมาลี นาคประดา; ธานินทร์ คงศิลา; มานะ เอี่ยมบัว
งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาการใช้สื่อจากภูมิปัญญาท้องถิ่นในการจัดการเรียนรู้ที่ส่งเสริมทักษะทางวิทยาศาสตร์สำหรับเด็กปฐมวัย ตลอดทั้งการออกแบบและพัฒนาสื่อจากภูมิปัญญาท้องถิ่นสำหรับใช้ในการจัดการเรียนรู้ที่ส่งเสริมทักษะทางวิทยาศาสตร์สำหรับเด็กปฐมวัยในศูนย์พัฒนาเด็กเล็กในเขตพื้นที่จังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ การศึกษาข้อมูลเบื้องต้นโดยใช้แบบสอบถามตัวแทนครูในศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก จำนวน 394 ศูนย์พบว่า แหล่งเรียนรู้และชนิดของสื่อที่เลือกใช้ในการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ทักษะทางวิทยาศาสตร์สำหรับเด็กปฐมวัย ส่วนใหญ่คือแหล่งเรียนรู้จากธรรมชาติ หลักในการเลือกสื่อมาใช้ในการจัดประสบการณ์การเรียนรู้คือต้องมีความปลอดภัย การจัดหาสื่อส่วนใหญ่คือประดิษฐ์ขึ้นเอง ลักษณะสื่อส่วนใหญ่คือ สื่อที่เป็นของจริง ปัญหาและอุปสรรคในการใช้สื่อในการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ ส่วนใหญ่คือ สื่อที่ผลิตมาไม่มีความคงทน จากการออกแบบและพัฒนาสื่อจากภูมิปัญญาท้องถิ่นจำนวน 3 ชุด โดยชุดที่ 1 คือ สิ่งประดิษฐ์จากเครื่องจักสาน ชุดที่ 2 สิ่งประดิษฐ์จากผ้า ชุดที่ 3 สิ่งประดิษฐ์จากไม้ไผ่ ผลการประเมินของผู้เชี่ยวชาญพบว่าสื่อชุดที่ 1 มีความเหมาะสมในการส่งเสริมทักษะทางวิทยาศาสตร์ของเด็กปฐมวัย ด้านความเหมาะสมสำหรับเด็กปฐมวัย และการประยุกต์ใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่นอยู่ในระดับดีมาก ด้านความปลอดภัย วัสดุและกระบวนการผลิตอยู่ในระดับดี สื่อชุดที่ 2 และชุดที่ 3 มีความเหมาะสมในการส่งเสริมทักษะทางวิทยาศาสตร์ของเด็กปฐมวัย ความเหมาะสมสำหรับเด็กปฐมวัย ด้านความปลอดภัยอยู่ วัสดุและกระบวนการผลิต และการประยุกต์ใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่นอยู่ในระดับดีมากทั้งหมด
การพัฒนาหลักสูตรฝึกอบรม : เยาวชนคนเก่งอาสาสมัครช่วยเหลือนักท่องเที่ยว เทศบาลเมืองกาฬสินธุ์ จังหวัดกาฬสินธุ์
(มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต) ธีรเดช ชื่นประภานุสรณ์; สราวุธ ชมบัวทอง; กัญชุลี มูลพัฒน์
การวิจัยเรื่อง การพัฒนาหลักสูตรฝึกอบรม : เยาวชนคนเก่งอาสาสมัครช่วยเหลือนักท่องเที่ยว เทศบาลเมืองกาฬสินธุ์ จังหวัดกาฬสินธุ์ มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาข้อมูลพื้นฐาน (Need analysis) เพื่อการพัฒนาหลักสูตรฝึกอบรม 2) การพัฒนาหลักสูตรฝึกอบรม 3) การประเมินคุณภาพหลักสูตรฝึกอบรม ประชากรที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ คือ กลุ่มครูและบุคคลากรทางการศึกษาของเทศบาลเมืองกาฬสินธุ์ จังหวัดกาฬสินธุ์ และกลุ่มผู้ประกอบการทางด้านการท่องเที่ยว โดยใช้วิธีการสุ่มแบบบังเอิญ (Accidental Sampling) ได้แก่ ครูอาจารย์ของโรงเรียนเทศบาลเมืองกาฬสินธุ์ จำนวน 92 คน บุคลากรทางการศึกษาของเทศบาล จำนวน 16 คน กลุ่มสถานประกอบการธุรกิจท่องเที่ยว จำนวน 24 คน รวมทั้งสิ้น 132 กลุ่มตัวอย่าง เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล ได้แก่ แบบสอบถาม ซึ่งได้ค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ 0.93 การวิเคราะห์ข้อมูลใช้การคานวณค่าทางสถิติ ได้แก่ ค่าร้อยละ (Percentage) และค่ามัชฌิมเลขคณิต
ผลการวิจัย พบว่า
ขั้นตอนที่ 1 การสำรวจข้อมูลพื้นฐานเพื่อพัฒนาหลักสูตรฝึกอบรม
1. กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง จำนวน 98 คน คิดเป็นร้อยละ 74.24 อายุมากกว่า 40 ปี จำนวน 58 คน คิดเป็นร้อยละ 43.94 อาชีพรับราชการ/ครู จำนวน 92 คน คิดเป็นร้อยละ 69.70
2. ความจำเป็นด้านเนื้อหาสาระองค์ความรู้ แนวทางการจัดอบรมในภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด ค่าเฉลี่ย 4.32 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน 0.47 เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า ความจำเป็น ด้านเนื้อหาสาระองค์ความรู้ แนวทางการจัดอบรมอยู่ในระดับมากที่สุดทั้ง 2 ด้าน โดยด้านเนื้อหาสารองค์ความรู้ด้านการท่องเที่ยวเป็น อันดับที่หนึ่ง รองลงมา คือ ด้านแนวทางการจัดอบรม ตามลำดับ
ขั้นตอนที่ 2 การพัฒนาหลักสูตรฝึกอบรม
หลักสูตรฝึกอบรมประกอบไปด้วย ชื่อหลักสูตร หลักการหลักสูตร จุดมุ่งหมายหลักสูตรโครงสร้างหลักสูตร รายวิชาในหลักสูตร คำอธิบายรายวิชา แนวทางการจัดกิจกรรมอบรม สื่อและอุปกรณ์การฝึกอบรม แนวทางการวัดและประเมินผลการอบรม เกณฑ์การผ่านการฝึกอบรม
ขั้นตอนที่ 3 การประเมินคุณภาพหลักสูตร
1. ความเหมาะสมของหลักสูตร พบว่า เป็นหลักสูตรที่เหมาะสมกับยุคปัจจุบันที่เน้นการให้ชุมชนหรือหน่วยงานของรัฐมีส่วนร่วมในการพัฒนาเยาวชนให้มีความรู้ความสามารถทางด้านการให้การช่วยเหลือนักท่องเที่ยวด้วยเหตุที่ประเทศไทยมีแหล่งท่องเที่ยวหลากหลายรูปแบบและมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาท่องเที่ยวอย่างมากมายดังนั้นการพัฒนาเยาวชนในท้องถิ่นต่าง ๆ ให้เป็นอาสาสมัครช่วยเหลือนักท่องเที่ยวจึงเป็นสิ่งดีที่จะช่วยให้นักท่องเที่ยวเกิดความประทับใจและซาบซึ้งใจในขณะที่เดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทย ซึ่งหลักสูตรดังกล่าวสามารถนำไปขยายผลกับหน่วยงานของรัฐอื่น ๆ หรือตามชุมชนอื่น ๆ ได้
2. รายวิชาต่าง ๆ สำหรับรายวิชาต่าง ๆ ที่ปรากฏอยู่ในหลักสูตรฝึกอบรมที่พัฒนาขึ้นนั้น ผู้เชี่ยวชาญได้แสดงความเห็นว่ามีลักษณะของรายวิชาที่เน้นการฝึกปฏิบัติการซึ่งจะทำให้ผู้อบรมได้ลงมือฝึกปฏิบัติการจริงตามสถานที่จริงที่จะทาให้เกิดองค์ความรู้มากกว่าการเรียนภายในชั้นเรียน ตลอดจนมีรายวิชาต่าง ๆ ที่ทันสมัยและสามารถนาไปใช้พัฒนาได้ดี เช่น การสื่อสารเพื่อโน้มน้าวใจ การสร้างเสริมบุคลิกภาพเพื่องานอาสา การทำงานเป็นทีมที่มีประสิทธิภาพ เป็นต้น และในขณะเดียวกันมีรายวิชาที่สร้างเสริมให้ผู้เข้ารับการอบรมมีความรักในถิ่นฐานตนเองซึ่งจะส่งผลให้เกิดการพัฒนากับเยาวชนในระยะยาวได้ดี เช่น จิตสานึกรักบ้านเกิด ความรู้ถิ่นฐานตนเอง
3. แนวทางการจัดการอบรมแนวทางการจัดการอบรมนั้นผู้เชี่ยวชาญได้แสดงความคิดเห็นว่า มีลำดับขั้นตอนการดำเนินการที่ชัดเจน โดยเริ่มตั้งแต่ ขั้นการทดสอบองค์ความรู้ก่อนการอบรม (Pre-test) นาเข้าสู่การอบรม ขั้นการนำเข้าสู่บทเรียน ขั้นการฝึกอบรม ขั้นการสรุป ขั้นการทดสอบองค์ความรู้หลังการอบรม (Post-test)
พฤติกรรมและความคาดหวังในการเรียนของนักศึกษาหลักสูตรนิติศาสตร์ต่อวิชาเอกเทศสัญญา 2 ประจำปีการศึกษา 1/2555
(มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต) อิษวัต สุจิมนัสกุล; พรเพ็ญ ไตรพงษ์; สุภาภรณ์ เกลี้ยงทอง
การวิจัยครั้งนี้เป็นการศึกษาพฤติกรรมและความคาดหวังในการเรียนของนักศึกษาหลักสูตรนิติศาสตร์ต่อวิชาเอกเทศสัญญา 2 ประจำปีการศึกษา 1/2555โดยมีวัตถุประสงค์ 3 ประการคือ 1. เพื่อศึกษาพฤติกรรมและความคาดหวังต่อรายวิชาของนักศึกษาในการเรียนวิชาเอกเทศสัญญา 2 2. เพื่อนำข้อมูลไปปรับปรุงการเรียนการสอนวิชา เอกเทศสัญญา 2 ให้สำเร็จลุล่วงต่อไป 3. เปรียบเทียบระดับพฤติกรรมและความคาดหวังในการเรียนของนักศึกษาหลักสูตรนิติศาสตร์ต่อวิชาเอกเทศสัญญา 2 ประจำปีการศึกษา 1/2555 จำแนกตามระดับคะแนนเฉลี่ยและจำแนกตามความถี่ในการเข้าห้องเรียน โดยใช้วิธีวิจัยแบบผสมทั้งเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพ (Mixed-method) กลุ่มตัวอย่างเป็นนักศึกษาชั้นปีที่ 3 หลักสูตรนิติศาสตร์ คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต จำนวน 150 คน โดยใช้วิธีการสุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง (Purposive sampling) เพื่อเก็บรวบรวมข้อมูลโดยใช้แบบสอบถามจำกนักศึกษา และการสัมภาษณ์อาจารย์ประจำหลักสูตรนิติศาสตร์ จำนวน 10 คน โดยวิธีเจาะจงในการวิจัยในครั้งนี้ ได้ใช้แบบสอบถามและสัมภาษณ์ พฤติกรรมและความคาดหวังของนักศึกษาหลักสูตรนิติศาสตร์ในการเรียนวิชาเอกเทศสัญญา 2 ประจำปีการศึกษา 1/2555 ซึ่งเป็นแบบสอบถามและแบบสัมภาษณ์ที่ผู้วิจัยพัฒนาขึ้นเอง เพื่อใช้สารวจความคิดเห็นของนักศึกษาต่อการเรียนการสอนวิชาเอกเทศสัญญา 2 วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติพรรณนำและสถิติอ้างอิง ผลการวิจัยที่สำคัญมี 1. นักศึกษามีความสนใจและตั้งใจในการเข้าห้องเรียน ดังนั้นอาจารย์จึงควรส่งเสริมการเข้าห้องเรียนของนักศึกษาอาจโดยการให้คะแนนจำกการเข้าห้องเรียน 2. นักศึกษามีความคาดหวังหรือต้องการในเอกสารตำราที่เข้าใจง่ายอยู่ในระดับมาก ตรงกับพฤติกรรมความเป็นจริงที่เอกสารตำราที่เข้าใจง่าย จึงควรส่งเสริมให้นักศึกษาได้อ่านเอกสารตำราที่มีคุณภาพที่ดีต่อไป อาจารย์จึงควรมีการพัฒนาเอกสารตำราให้ดียิ่งขึ้นต่อไปด้วย
การศึกษาพื้นฐานฤทธิ์ของสารสกัดจากสมุนไพร
(มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต) ทัศนีย์ พาณิชย์กุล; ณัฐพร บู๊ฮวด; ประดับฟ้า นาคนก
การนำสมุนไพรมาใช้สำหรับการผลิตผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและความงามสิ่งสำคัญต้องคำนึงถึงความปลอดภัยต่อร่างกาย จึงจำเป็นต้องมีการศึกษาฤทธิ์ของสารสกัดสมุนไพร การทดสอบฤทธิ์ของสารสกัดสมุนไพรในหลอดทดลอง เป็นวิธีทดสอบระดับเบื้องต้นและนำผลการทดสอบเผยแพร่ในวารสารหรือเว็บไซต์ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ให้กับบุคคลที่สนใจ ภายใต้แผนงานวิจัยนี้ มีงานวิจัยย่อย 2 โครงการ คือ วิธีพื้นฐานในการทดสอบสารสกัดสมุนไพร และรวบรวมผลงานวิจัยเกี่ยวกับสารสกัดสมุนไพรที่ถูกนำมาใช้เป็นสารสำคัญของผลิตภัณฑ์สำหรับสุขภาพและความงาม เพื่อจัดเก็บเป็นข้อมูลพื้นฐานสำหรับการสืบค้น และการประเมินการเรียนรู้การทำงานวิจัยของผู้ร่วมวิจัยจำนวน 9 คน ในด้านความรู้ทั้งในเชิงทฤษฎีและปฏิบัติ ผลการศึกษาจากโครงการย่อย พบว่า สารสกัดสมุนไพรเลือดมังกรที่ความเข้มข้น 100 ไมโครกรัมต่อมิลลิลิตร ไม่มีผลกระทบต่อการเจริญของเซลล์เมลาโนมา ในขณะที่สารสกัดอินทนิลน้ำ ที่ความเข้มข้น 100 ไมโครกรัมต่อมิลลิลิตร มีผลยับยั้งการเจริญของเซลล์ และได้สร้างเว็บไซด์ http.//healthcare.dusit.ac.th เพื่อเผยแพร่ผลงานวิจัยที่เกี่ยวกับสารสกัดสมุนไพรสำหรับผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและความงาม จากผลการประเมินการเรียนรู้การทำงานวิจัย พบว่าผู้ร่วมวิจัยมีการเรียนรู้เกี่ยวกับโครงร่างวิจัย การวางแผนในการดำเนินงานวิจัยและการทำรายงานวิจัย เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ค่า p < 0.05 แผนงานงานวิจัยนี้ได้พัฒนาการทำงานวิจัยของนักวิจัยรุ่นใหม่ และยังสามารถนำไปบูรณาการกับการเรียนการสอนสำหรับผู้เรียน