SDP-Public Opinion Poll : Public Survey Results

Browse

Recent Submissions

Now showing 1 - 20 of 541
  • Item
    คนไทยกับการติดตามข่าวสารในภาวะวิกฤต
    (สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต, 2025-07-27) สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต
    ผลสำรวจพฤติกรรม ความเชื่อมั่น และความรู้สึกของประชาชนไทยต่อการติดตามข่าวสารในช่วงสถานการณ์วิกฤต โดยเก็บข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่างทั่วประเทศ จำนวน 1,144 คน ระหว่างวันที่ 24-25 กรกฎาคม พ.ศ. 2568 ผลการสำรวจพบว่า เมื่อได้รับข่าวสารเกี่ยวกับสถานการณ์วิกฤต ประชาชนส่วนใหญ่ (75.61%) ตรวจสอบความถูกต้องของแหล่งข้อมูลก่อนแชร์ รองลงมาแสดงความคิดเห็นและเตรียมตัวรับมือ ขณะที่ในด้านความเชื่อมั่น ประชาชนไว้วางใจ "หน่วยงานของภาครัฐ" มากที่สุด (76.83%) และต้องการรับข้อมูลที่ "รวดเร็ว ถูกต้อง ต่อเนื่อง" (81.10%) ในภาวะภัยพิบัติ ประชาชนเน้นเตรียมที่พัก น้ำ อาหาร และการแจ้งเตือนล่วงหน้าอย่างชัดเจน ขณะที่ในกรณีไทย-กัมพูชา ประชาชนกังวลเรื่องการเคลื่อนย้ายของชุมชนชายแดนและความปลอดภัยของโรงเรียน โรงพยาบาล และข้อมูลจากหน่วยงานรัฐ บ่งชี้ว่าประชาชนมีความตระหนักและต้องการรับข่าวสารที่น่าเชื่อถือจากภาครัฐในช่วงวิกฤต ซึ่งจำเป็นต่อการบริหารจัดการความเสี่ยงในสังคมไทย
  • Item
    “เซ็ตซีโร่ กกต.” ในสายตาประชาชน
    (สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต, 2017-06-11) สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต
    การศึกษาครั้งนี้ส่ารวจความคิดเห็นของประชาชนทั่วประเทศจำนวน 1,265 คน ระหว่างวันที่ 6-9 มิถุนายน 2560 เกี่ยวกับการเซ็ตซีโร่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ภายหลังมติของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง ให้กรรมการ กกต.ทั้ง 5 คนพ้นตำแหน่งและเปลี่ยนเป็น 7 คน ผลการส่ารวจพบว่า ประชาชนให้ความสำคัญกับ กกต.มาก (42.77%) และค่อนข้างให้ความสำคัญ (35.42%) สำหรับรูปแบบการเปลี่ยนแปลง ประชาชนส่วนใหญ่เห็นด้วยกับการเปลี่ยนใหม่หมดทุกคนหรือเซ็ตซีโร่ (49.25%) รองลงมาคือเปลี่ยนเฉพาะคนที่คุณสมบัติไม่ครบถ้วน (41.82%) เนื่องจากจะได้เริ่มใหม่เพื่อความยุติธรรมและได้คัดเลือกผู้ที่มีความรู้ความสามารถเข้ามาทำงาน ด้านผลกระทบต่อการเลือกตั้ง ประชาชนส่วนใหญ่คิดว่าอาจจะต้องเลื่อนเวลาออกไป (43.64%) เนื่องจากต้องใช้เวลาในการสรรหาคัดเลือกและคนใหม่ยังไม่มีประสบการณ์ในการทำงาน
  • Item
    ประชาชนคิดอย่างไร? กรณี นายกฯตั้งประเด็นคำถาม 4 ข้อก่อนพาประเทศสู่การเลือกตั้ง
    (สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต, 2017-06-04) สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต
    การศึกษาครั้งนี้ส่ารวจความคิดเห็นของประชาชนทั่วประเทศจำนวน 1,282 คน ระหว่างวันที่ 30 พฤษภาคม - 3 มิถุนายน 2560 เกี่ยวกับประเด็นคำถาม 4 ข้อ ของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคสช. ที่ได้ฝากไว้ในรายการ "ศาสตร์พระราชาสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน" เพื่อรับฟังความคิดเห็นของประชาชนและนำมาพิจารณาเป็นแนวทางการทำงานต่อไป ผลการส่ารวจพบว่า ประชาชนมองประเด็นคำถาม 4 ข้อ นี้เป็นคำถามจากใจนายกฯถามอย่างตรงไปตรงมา (77.38%) และเป็นสิทธิที่สามารถถามได้ (72.85%) สำหรับเหตุผลที่นักการเมืองออกมาต่อต้าน ประชาชนเห็นว่าคิดว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมถูกกีดกัน (80.81%) ไม่เกิดผลดีกับนักการเมือง (78.63%) และนักการเมืองรู้สึกไม่สบายใจ (75.66%) ด้านผลดีและผลเสียจากการตั้งคำถาม ผลดีคือ เป็นการเปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วม (66.80%) และทำให้รัฐบาลได้แนวทางไปสู่การปฏิบัติ (57.69%) ส่วนผลเสีย คือ เปิดประเด็นทางการเมืองที่ร้อนแรง (63.52%) และเกิดการต่อต้านจากนักการเมืองที่คิดว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม (59.60%)
  • Item
    การวิพากษ์วิจารณ์การเมือง ของ นักการเมือง ในสายตาประชาชน
    (สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต, 2017-06-03) สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต
    การศึกษาครั้งนี้ส่ารวจความคิดเห็นของประชาชนทั่วประเทศจำนวน 1,152 คน ระหว่างวันที่ 29 พฤษภาคม - 2 มิถุนายน 2560 เกี่ยวกับการวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลของนักการเมืองในช่วงที่บรรยากาศทางการเมืองกลับมาคึกคักอีกครั้ง โดยเฉพาะภายหลังจากที่นายกรัฐมนตรีฝาก 4 คำถามให้ช่วยกันตอบ ผลการส่ารวจแสดงให้เห็นว่า ประชาชนมองการวิพากษ์วิจารณ์ของนักการเมืองมีทั้งแง่บวกและลบควรรับฟังอย่างมีวิจารณญาณ (75.88%) เป็นสิทธิที่ทำได้ (67.65%) และประชาชนได้รับรู้ข้อมูลเพิ่มขึ้น (61.83%) การวิพากษ์วิจารณ์เชิงสร้างสรรค์ที่รับได้ คือ ให้ข้อเสนอแนะที่มีเหตุผล (78.41%) นำเสนอข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม (74.62%) และพูดจาสุภาพ (62.94%) ส่วนเชิงทำลายที่รับไม่ได้ คือ พูดใส่ร้ายโจมตียุยง (83.29%) พูดเลื่อนลอยไม่มีหลักการ (71.01%) และใช้ถ้อยคำไม่สุภาพ (65.61%) ประชาชนส่วนใหญ่มองว่าการวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลเป็นส่วนหนึ่งของระบอบประชาธิปไตย (82.50%) เพราะทุกคนมีสิทธิเสรีภาพเท่าเทียมกัน
  • Item
    ประชาชนคิดอย่างไร? กรณี ระเบิดในกทม.
    (สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต, 2017-05-28) สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต
    การศึกษาครั้งนี้ส่ารวจความคิดเห็นของประชาชนทั่วประเทศจำนวน 1,223 คน ระหว่างวันที่ 23-27 พฤษภาคม 2560 เกี่ยวกับเหตุการณ์ระเบิดใน กทม. 3 จุด ได้แก่ หน้ากองสลากกินแบ่งรัฐบาล หน้าโรงละครแห่งชาติ และโรงพยาบาลพระมงกุฏ ผลการส่ารวจพบว่า ประชาชนมองเหตุการณ์นี้เป็นการกระทำที่อุกอาจไร้จิตสำนึกท้าทายกฎหมายบ้านเมือง (83.73%) และต้องการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งจับตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษ (81.44%) สำหรับสาเหตุ ประชาชนเชื่อว่าเป็นการสร้างสถานการณ์ต้องการให้เป็นข่าวครึกโครม (78.00%) มาจากความขัดแย้งอำนาจและผลประโยชน์ (67.13%) และมีเรื่องการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง (66.48%) การป้องกันควรช่วยกันเป็นหูเป็นตาสอดส่องดูแล (74.16%) และเพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่ทหารตำรวจตามจุดเสี่ยง (71.38%) ประชาชนส่วนใหญ่เชื่อว่าเหตุการณ์นี้เกี่ยวข้องกับการเมืองไทย (56.09%) และอาจกระทบต่อการเลือกตั้ง (31.91%) การศึกษานี้สะท้อนความวิตกกังวลของประชาชนต่อสถานการณ์ความปลอดภัย
  • Item
    การเมืองไทย ณ วันนี้
    (สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต, 2017-05-27) สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต
    การศึกษาครั้งนี้ส่ารวจความคิดเห็นของประชาชนทั่วประเทศจำนวน 1,157 คน ระหว่างวันที่ 23-26 พฤษภาคม 2560 เกี่ยวกับสถานการณ์การเมืองไทยที่ร้อนระอุในช่วงนี้ ภายหลังจากการออกมาวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาลจากนักการเมืองพรรคใหญ่ และเหตุการณ์ระเบิดเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคมที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันครบรอบ 3 ปีของรัฐบาล คสช. ผลการส่ารวจแสดงให้เห็นว่า เหตุผลที่นักการเมืองออกมาวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง คือ เป็นเรื่องปกติทางการเมือง (71.22%) การบริหารบ้านเมืองในช่วง 3 ปีที่ผ่านมายังมีผลงานไม่น่าพอใจ (67.76%) และต้องการสะท้อนความคิดเห็นในอีกแง่มุมที่แตกต่าง (62.49%) สำหรับเหตุการณ์ความวุ่นวาย ประชาชนเห็นว่าเป็นการสร้างสถานการณ์ให้บ้านเมืองวุ่นวายไม่สงบ (81.76%) มีเรื่องการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง (78.22%) และลดความน่าเชื่อถือของรัฐบาล (73.21%) รัฐบาลควรเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัย (76.66%) และเร่งติดตามตัวคนร้าย (73.03%)
  • Item
    10 เรื่องที่จะช่วยสร้างความมั่นใจต่อรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์
    (สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต, 2017-05-21) สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต
    การศึกษาครั้งนี้ส่ารวจความคิดเห็นของประชาชนทั่วประเทศจำนวน 1,466 คน ระหว่างวันที่ 15-20 พฤษภาคม 2560 เกี่ยวกับข้อแนะนำที่ประชาชนอยากฝากถึงรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์กับการก้าวสู่ปีที่ 4 หลังจากที่รัฐบาลได้ดำเนินงานตามโรดแมปมา 3 ปี เพื่อใช้เป็นฐานข้อมูลประกอบการตัดสินใจของรัฐบาลในการดำเนินงานให้มีประสิทธิภาพและตรงตามความต้องการของประชาชน ผลการส่ารวจพบว่า สิ่งที่จะช่วยสร้างความมั่นใจต่อรัฐบาล 10 อันดับแรก ได้แก่ กระตุ้นเศรษฐกิจการค้าการลงทุน (80.15%) แก้ปัญหาปากท้องของประชาชน (78.99%) ใช้งบประมาณอย่างเหมาะสมคุ้มค่า (77.08%) ช่วยเหลือเกษตรกรดูแลราคาพืชผลทางการเกษตร (74.22%) รับฟังความเห็นก่อนมีการบังคับใช้กฎหมาย (72.65%) เร่งแก้ปัญหาไฟใต้ (68.28%) พัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน (64.26%) พัฒนาด้านการศึกษา (62.76%) เปิดโอกาสให้มีการตรวจสอบการทำงาน (59.35%) และเสริมสร้างคุณภาพชีวิต (55.67%) การศึกษานี้สะท้อนความคาดหวังและข้อเสนอแนะของประชาชนต่อรัฐบาล
  • Item
    3 ปีรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ อะไรดีขึ้น? อะไรแย่ลง?
    (สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต, 2017-05-20) สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต
    การศึกษาครั้งนี้ส่ารวจความคิดเห็นของประชาชนทั่วประเทศจำนวน 1,264 คน ระหว่างวันที่ 15-19 พฤษภาคม 2560 เพื่อประเมินผลการดำเนินงานของรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ครบ 3 ปี ณ วันที่ 22 พฤษภาคม 2560 ผลการส่ารวจแสดงให้เห็นว่า สิ่งที่ดีขึ้นภายใต้การบริหารของรัฐบาล ได้แก่ การควบคุมดูแลไม่ให้มีการชุมนุมประท้วง (73.81%) การปราบปรามทุจริตคอร์รัปชั่น (71.84%) การจัดระเบียบสังคมทวงคืนผืนป่า (66.06%) การทำงานตามโรดแมป (55.30%) และการปฏิรูปประเทศ (52.85%) ส่วนสิ่งที่แย่ลง คือ สภาพเศรษฐกิจราคาสินค้าอุปโภคบริโภค (77.06%) การบังคับใช้กฎหมายการจำกัดสิทธิเสรีภาพ (72.39%) ราคาและผลผลิตทางการเกษตร (69.30%) การบริหารบ้านเมือง (60.76%) และการก่อเหตุรุนแรงในจังหวัดชายแดนภาคใต้ (57.91%) สำหรับปีสุดท้าย ประชาชนต้องการให้รัฐบาลเร่งพัฒนาเศรษฐกิจ (83.70%) ช่วยเหลือสวัสดิการต่างๆ (82.75%) และปราบปรามการทุจริต (74.37%)
  • Item
    “หัวอกผู้ปกครอง” เมื่อใกล้เปิดเทอม
    (สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต, 2017-05-14) สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต
    การศึกษาครั้งนี้ส่ารวจความคิดเห็นของพ่อแม่ผู้ปกครองที่มีบุตรหลานในวัยเรียนทั่วประเทศจำนวน 1,023 คน ระหว่างวันที่ 9-13 พฤษภาคม 2560 เกี่ยวกับความในใจและหัวอกของผู้ปกครองเมื่อใกล้เปิดเทอมในเดือนพฤษภาคม เพื่อสะท้อนความคิดเห็นและความกังวลของพ่อแม่ผู้ปกครองในช่วงเปิดเทอม ผลการส่ารวจพบว่า ความกังวลหลักของผู้ปกครอง 10 อันดับแรก ได้แก่ ต้องหาเงินจ่ายค่าเทอมจำนำกู้ยืม (77.42%) ค่าใช้จ่ายช่วงเปิดเทอมทำให้มีภาระมากขึ้น (75.37%) อุปกรณ์การเรียนชุดนักเรียนมีราคาสูงขึ้น (74.49%) การเตรียมพร้อมและการปรับตัวของเด็กการตื่นนอน (72.14%) การเดินทางการจราจร (69.21%) อยากให้รัฐบาลช่วยเหลือ (66.57%) พฤติกรรมของครู (65.10%) มาตรฐานทางการศึกษา (56.60%) การคบเพื่อน (52.20%) และความปลอดภัยสภาพแวดล้อมที่โรงเรียน (46.04%) การศึกษานี้สะท้อนให้เห็นถึงปัญหาและความกังวลที่ผู้ปกครองต้องเผชิญในช่วงเปิดเทอม
  • Item
    แถลงผลงาน 3 ปี รัฐบาล อย่างไร? จึงจะถูกใจประชาชน
    (สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต, 2017-05-13) สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต
    การศึกษาครั้งนี้ส่ารวจความคิดเห็นของประชาชนทั่วประเทศจำนวน 1,185 คน ระหว่างวันที่ 8-12 พฤษภาคม 2560 เกี่ยวกับการแถลงผลงานครบรอบ 3 ปีของรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ที่จะจัดขึ้นในช่วงต้นเดือนมิถุนายน เพื่อสะท้อนความคิดเห็นของประชาชนที่สนใจติดตามการทำงานของรัฐบาลและอยากฟังการแถลงผลงาน ผลการส่ารวจแสดงให้เห็นว่า ประชาชนอยากฟังการแถลงเรื่องแนวทางการกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวการค้าและการลงทุน (75.95%) การบริหารบ้านเมืองและการใช้งบประมาณ (73.92%) นโยบายการพัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชน (68.61%) การจัดการเลือกตั้ง (66.58%) และความรู้สึกส่วนตัวของนายกรัฐมนตรี (55.44%) สำหรับสิ่งที่ประชาชนอยากบอกกับรัฐบาลในการก้าวสู่ปีที่ 4 คือ เน้นแก้ปัญหาปากท้องความเดือดร้อนของประชาชน (83.80%) เร่งสร้างผลงานให้เห็นเป็นรูปธรรม (81.01%) เดินหน้าตามโรดแมป (70.13%) การใช้อำนาจอย่างเหมาะสมยุติธรรม (65.82%) และขอเป็นกำลังใจให้รัฐบาล (49.87%)
  • Item
    ประชาชนมอง "จุดแข็ง"และ"จุดอ่อน"รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ อย่างไร?
    (สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต, 2017-05-07) สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต
    การศึกษาครั้งนี้ส่ารวจความคิดเห็นของประชาชนทั่วประเทศจำนวน 1,258 คน ระหว่างวันที่ 2-6 พฤษภาคม 2560 เกี่ยวกับการประเมินจุดแข็งและจุดอ่อนของรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ในการบริหารประเทศ ผลการส่ารวจแสดงให้เห็นว่า ประชาชนมองว่าจุดแข็งของรัฐบาลที่สำคัญ 5 อันดับแรก ได้แก่ การปราบปรามทุจริตคอร์รัปชั่นยาเสพติดและผู้มีอิทธิพล (75.36%) การช่วยเหลือเกษตรกรคนจน (68.28%) การแก้ปัญหาการค้ามนุษย์ (66.38%) การดำเนินงานตามโรดแมป (62.72%) และการจัดระเบียบสังคม (61.76%) สำหรับจุดอ่อนที่สำคัญ คือ เศรษฐกิจตกต่ำ (74.04%) การจำกัดสิทธิเสรีภาพ (70.27%) การใช้งบประมาณจำนวนมากซื้อเรือดำน้ำ (63.59%) ปัญหาชายแดนใต้ (57.39%) และคดีสำคัญไม่มีความคืบหน้า (53.90%) ในการแก้ไขปัญหา ประชาชนต้องการให้รัฐบาลแก้ปัญหาเศรษฐกิจ (83.78%) ทำงานอย่างโปร่งใส (81.80%) และแก้ปัญหาการทุจริตอย่างต่อเนื่อง (77.11%)
  • Item
    ความคิดเห็นของประชาชน ณ วันนี้ (ก่อนเลือกตั้ง)
    (สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต, 2017-05-06) สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต
    การศึกษาครั้งนี้ส่ารวจความคิดเห็นของประชาชนทั่วประเทศจำนวน 1,152 คน ระหว่างวันที่ 1-5 พฤษภาคม 2560 เกี่ยวกับความคิดเห็นของประชาชนในช่วงก่อนการเลือกตั้งภายหลังประกาศใช้รัฐธรรมนูญ 2560 ผลการส่ารวจแสดงให้เห็นว่า ประชาชนต้องการให้นักการเมืองให้ความร่วมมือกับภาครัฐเสริมสร้างความปรองดอง (71.61%) สนับสนุนการเลือกตั้งที่โปร่งใสยุติธรรม (68.75%) และลงพื้นที่พบปะชาวบ้าน (66.15%) สำหรับพรรคการเมือง ประชาชนอยากให้ติดตามข้อมูลข่าวสารการเลือกตั้ง (77.86%) สรรหาสมาชิกพรรคและกำหนดคุณสมบัติผู้สมัคร (74.74%) และกำหนดนโยบายการหาเสียง (69.79%) ในส่วนของประชาชนเอง มีความพร้อมที่จะทำหน้าที่ให้ดีที่สุดเคารพกฎหมาย (70.31%) ศึกษาข้อมูลการเลือกตั้ง (67.45%) และร่วมรณรงค์ให้ออกมาใช้สิทธิเลือกตั้ง (53.65%) การศึกษานี้สะท้อนความพร้อมและความคาดหวังของประชาชนต่อกระบวนการเลือกตั้งที่จะมีขึ้น
  • Item
    บทบาทมหาวิทยาลัยไทยกับ Soft Power
    (สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต, 2025-07-21) สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต
    สวนดุสิตโพล ร่วมกับ “สวนดุสิตโพลทอล์ก” มหาวิทยาลัยสวนดุสิต จัดทำผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนเรื่อง “บทบาทมหาวิทยาลัยไทยกับ Soft Power” จากกลุ่มตัวอย่าง 1,128 คนทั่วประเทศ พบว่าประชาชนส่วนใหญ่เห็นว่าประเทศไทยควรใช้ Soft Power เป็นกลยุทธ์หลักในการสร้างภาพลักษณ์และเพิ่มบทบาทในเวทีโลก โดยมหาวิทยาลัยไทยควรมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อน Soft Power ผ่านการวิจัย พัฒนา การผลิตบัณฑิต และการส่งเสริมวัฒนธรรมไทย ประชาชนเชื่อมั่นว่านักศึกษาไทยสามารถเป็นกลไกสำคัญในการสร้าง Soft Power หากได้รับการส่งเสริมอย่างเหมาะสม นอกจากนี้ ยังมีความเห็นว่าควรส่งเสริมความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยไทยกับต่างประเทศเพื่อพัฒนา Soft Power ร่วมกัน ผลการสำรวจนี้สะท้อนว่า มหาวิทยาลัยเป็นพลังสำคัญในการผลักดันศักยภาพของประเทศผ่าน Soft Power ซึ่งไม่เพียงแต่ยกระดับเศรษฐกิจและสังคมเท่านั้น แต่ยังสร้างอัตลักษณ์และภาพลักษณ์เชิงบวกให้กับประเทศไทยในเวทีนานาชาติ
  • Item
    ครม.ชุดใหม่และ ภาษีทรัมป์
    (สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต, 2025-07-13) สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต
    สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต สำรวจความคิดเห็นประชาชนทั่วประเทศ เรื่อง “ครม.ชุดใหม่และ ภาษีทรัมป์” พบว่า ผลงานหรือนโยบายที่อยากเห็น คณะรัฐมนตรี ชุดใหม่เร่งดำเนินการมากที่สุด คือ แก้ปัญหาค่าครองชีพ เศรษฐกิจ 65.41% เรื่องที่กังวลเกี่ยวกับคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ คือ อาจมีบุคคลที่ประวัติไม่โปร่งใส ความสามารถไม่ตรงกับงาน 62.97% ทั้งนี้เมื่อเทียบกับ ครม.ชุดที่ผ่านมาคิดว่าการทำงานของ ครม.ชุดใหม่อาจจะแย่กว่า 41.56% ด้านความเห็นเกี่ยวกับกรณีโดนัล ทรัมป์ เรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าไทย 36% คาดว่าจะกระทบเศรษฐกิจไทยอย่างมาก 50.04% สุดท้ายมองว่ารัฐบาลไทยไม่น่าจะเจรจาแก้ไขปัญหานี้ได้ 50.63%
  • Item
    การชุมนุมทางการเมืองในสายตาคนไทย 2568
    (สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต, 2025-07-06) สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต
    “สวนดุสิตโพล” มหาวิทยาลัยสวนดุสิต ส ารวจความคิดเห็นประชาชนทั่วประเทศ เรื่อง “การชุมนุมทางการเมือง ในสายตาคนไทย 2568” กลุ่มตัวอย่าง จ านวน 1,167 คน (ส ารวจทางออนไลน์และภาคสนาม) ระหว่างวันที่ 1-4 กรกฎาคม 2568 พบว่า กลุ่มตัวอย่างไม่สนใจเข้าร่วมการชุมนุมทางการเมือง ร้อยละ 38.39 โดยคิดว่าการชุมนุมทางการเมืองในปัจจุบันมี บทบาทต่อการเปลี่ยนแปลงประเทศในระดับปานกลาง ร้อยละ 48.93 จุดเด่นคือสร้างการมีส่วนร่วมของประชาชน ร้อยละ 55.28 จุดด้อยคือมีความเสี่ยงต่อความรุนแรง ร้อยละ 48.16 ทั้งนี้เมื่อมีการชุมนุมทางการเมืองก็คาดหวังว่าจะมีการลาออก ของผู้น ารัฐบาล ร้อยละ 58.58 ในสถานการณ์ปัจจุบันหากเกิดรัฐประหารก็ไม่เห็นด้วย เป็นการละเมิดระบอบประชาธิปไตย ร้อยละ 42.50
  • Item
    “ปัญหาสังคม” ในสายตาคนไทย ณ วันนี้
    (สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต, 2017-04-30) สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต
    การศึกษาครั้งนี้ส่ารวจความคิดเห็นของประชาชนทั่วประเทศจำนวน 1,121 คน ระหว่างวันที่ 25-29 เมษายน 2560 เกี่ยวกับปัญหาสังคมไทยที่ประชาชนมองว่าต้องเร่งแก้ไขโดยด่วน ผลการส่ารวจพบว่า ปัญหาสังคมที่ประชาชนให้ความสำคัญสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ การหลอกลวงล่วงละเมิดทางเพศและค้ามนุษย์ (81.53%) การทุจริตคอร์รัปชั่นของเจ้าหน้าที่ราชการ (80.20%) ความรุนแรงในครอบครัว (78.32%) การปล้นฆ่าชิงทรัพย์ (71.81%) และการหลอกลวงต้มตุ๋น (61.20%) ตามลำดับ การศึกษายังนำเสนอแนวทางแก้ไขที่เป็นรูปธรรมสำหรับแต่ละปัญหา เช่น การจับกุมด่าเนินคดีอย่างรวดเร็ว การรณรงค์สร้างความตระหนักในสังคม และการเพิ่มบทลงโทษที่รุนแรง สำหรับหน่วยงานที่ควรรับผิดชอบในการแก้ไขปัญหา ประชาชนเห็นว่าควรเป็นรัฐบาลและหน่วยงานภาครัฐ (73.51%) เจ้าหน้าที่ตำรวจ (69.05%) และสถาบันครอบครัว (57.81%)
  • Item
    เรื่องที่ประชาชนอยากรู้เกี่ยวกับ “การเมืองไทย” ณ วันนี้
    (สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต, 2017-04-29) สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต
    การศึกษาครั้งนี้ส่ารวจความคิดเห็นของประชาชนทั่วประเทศจำนวน 1,207 คน ระหว่างวันที่ 24-28 เมษายน 2560 เกี่ยวกับประเด็นทางการเมืองไทยที่ประชาชนให้ความสนใจและต้องการทราบข้อมูล เพื่อเป็นแนวทางในการนำเสนอข่าวของสื่อมวลชนและเป็นแนวทางการบริหารประเทศที่เป็นรูปธรรมให้กับรัฐบาลต่อไป ผลการส่ารวจแสดงให้เห็นว่า ประชาชนให้ความสนใจเรื่องการบริหารงานของรัฐบาลมากที่สุด (70.67%) เนื่องจากมีผลต่อทิศทางของบ้านเมืองและต้องการให้แก้ปัญหาเศรษฐกิจ รองลงมาคือการเลือกตั้ง (62.47%) การอนุมัติซื้อเรือดำน้ำ (52.11%) การปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชั่น (51.48%) และการร่างกฎหมายลูก (48.15%) ตามลำดับ การศึกษานี้สะท้อนให้เห็นถึงความต้องการของประชาชนในการรับรู้ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการเมืองไทยและการบริหารประเทศในปัจจุบัน
  • Item
    รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ ในสายตาประชาชน
    (สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต, 2017-04-23) สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต
    การศึกษาครั้งนี้ส่ารวจความคิดเห็นของประชาชนทั่วประเทศจำนวน 1,119 คน ระหว่างวันที่ 18-22 เมษายน 2560 เกี่ยวกับการรับรู้ของประชาชนต่อรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ในปีที่ 3 ของการบริหารประเทศ ผลการส่ารวจพบว่า ปัจจัยที่จะทำให้ประชาชนนิยมชมชอบรัฐบาลมากขึ้น ได้แก่ การปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชั่น (70.51%) บ้านเมืองเป็นระเบียบสงบสุข (65.33%) และการบริหารบ้านเมืองให้เจริญก้าวหน้า (62.56%) ในขณะที่ปัจจัยที่จะทำให้ความนิยมลดลง คือ เศรษฐกิจย่ำแย่ (76.50%) การบังคับใช้กฎหมายเข้มงวด (73.46%) และการเผด็จการปิดกั้นการแสดงความคิดเห็น (68.36%) สำหรับระดับความนิยมโดยรวม ประชาชนส่วนใหญ่มีความนิยมเท่าเดิม (44.77%) ลดลง (29.40%) และเพิ่มขึ้น (25.83%) ตามลำดับ ประชาชนต้องการให้รัฐบาลเร่งแก้ปัญหาเศรษฐกิจ (80.70%) ดำเนินงานตามโรดแมป (71.58%) และใช้งบประมาณอย่างโปร่งใส (69.97%)
  • Item
    ปัญหารุมเร้ารัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ ณ วันนี้ ที่ประชาชนหนักใจ
    (สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต, 2017-04-22) สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต
    การศึกษาครั้งนี้ส่ารวจความคิดเห็นของประชาชนทั่วประเทศจำนวน 1,167 คน ระหว่างวันที่ 17-21 เมษายน 2560 เกี่ยวกับปัญหาที่รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ กำลังเผชิญอยู่ ผลการส่ารวจพบว่า ประชาชนให้ความสำคัญกับปัญหาเศรษฐกิจสูงที่สุด (87.92%) เนื่องจากส่งผลกระทบต่อการครองชีพและการจ้างงาน รองลงมาคือการทุจริตคอร์รัปชั่น (76.61%) ความขัดแย้งทางการเมือง (70.45%) การบังคับใช้กฎหมายและการใช้มาตรา 44 (64.78%) และการเลือกตั้ง (61.18%) ตามลำดับ การศึกษานี้นำเสนอทั้งสาเหตุของปัญหาและแนวทางแก้ไขที่ประชาชนเสนอแนะ เช่น การกระตุ้นเศรษฐกิจ การปราบปรามการทุจริต การสร้างความปรองดอง การใช้มาตรา 44 อย่างรอบคอบ และการกำหนดวันเลือกตั้งที่ชัดเจน งานวิจัยนี้สะท้อนความกังวลของประชาชนต่อการบริหารประเทศในช่วงเวลาดังกล่าว
  • Item
    “การเรียกร้อง/ประท้วง” ณ วันนี้
    (สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต, 2017-04-16) สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต
    การสำรวจความคิดเห็นของประชาชนจำนวน 1,072 คน ระหว่างวันที่ 10-15 เมษายน 2560 เกี่ยวกับสถานการณ์การเรียกร้องประท้วงในรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่มองว่าสถานการณ์ค่อนข้างน่าเป็นห่วง (29.24%) เนื่องจากมีการเคลื่อนไหวของกลุ่มต่างๆ และการใช้อำนาจตัดสินใจโดยไม่รับฟังเสียงจากรอบด้าน ประชาชนเห็นว่ารัฐบาลควรพิจารณาให้รอบคอบมากขึ้น (63.05%) และมองกระแสข่าวต่างๆ เป็นการส่งสัญญาณเตือนเรื่องการจำกัดสิทธิเสรีภาพมากเกินไป (61.85%) และสถานการณ์บ้านเมืองที่เข้มข้นมากขึ้น (58.11%) สำหรับการแก้ปัญหา ประชาชนต้องการให้รัฐบาลรับฟังความคิดเห็นอย่างเปิดกว้างและชี้แจงเหตุผลชัดเจน (70.13%) รวมถึงต้องมุ่งมั่นทำหน้าที่ให้ดีที่สุด (66.91%)