การพัฒนารูปแบบการจัดกิจกรรมแบบ PRAWIT เพื่อส่งเสริมทักษะการเรียนรู้ของเด็กปฐมวัย
| dc.contributor.author | ประวิชญา แข่งขัน | |
| dc.contributor.author | ชนิสรา ใจชัยภูมิ | |
| dc.date.accessioned | 2025-05-29T13:37:31Z | |
| dc.date.accessioned | 2025-09-03T03:46:44Z | |
| dc.date.available | 2025-05-29T13:37:31Z | |
| dc.date.available | 2025-09-03T03:46:44Z | |
| dc.description.abstract | การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ ดังนี้ 1) เพื่อพัฒนารูปแบบการจัดกิจกรรมแบบ PRAWIT เพื่อส่งเสริมทักษะการเรียนรู้ของเด็กปฐมวัย 2) เพื่อศึกษาและเปรียบเทียบทักษะการเรียนรู้ของเด็กปฐมวัยก่อนและหลังการจัดกิจกรรมตามรูปแบบการจัดกิจกรรมแบบ PRAWIT และ 3) เพื่อศึกษาประสิทธิภาพรูปแบบการจัดกิจกรรมแบบ PRAWIT เพื่อส่งเสริมทักษะการเรียนรู้ของเด็กปฐมวัย โดยวิธีการวิจัยแบ่งออกเป็น 3 ระยะ ดังนี้ ระยะที่ 1 ระยะที่ 1 การพัฒนารูปแบบการจัดกิจรรมแบบ PRAWIT เพื่อส่งเสริมทักษะการเรียนรู้ของเด็กปฐมวัย กลุ่มตัวอย่าง คือ นักเรียนชั้นอนุบาลปีที่ 2 อายุ 4 - 5 ขวบ จำนวน 25 คน ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2560 โรงเรียนสาธิตละอออุทิศ สาขาลำปาง เป็นเวลา 4 สัปดาห์ ด้วยการวิจัยปฏิบัติการ (Action Research) จากนั้นสร้างคู่มือการใช้รูปแบบการจัดกิจกรรมแบบ PRAWIT และประเมินความเหมาะสมโดยผู้เชี่ยวชาญ จำนวน 10 ท่าน ระยะที่ 2 การทดลองใช้รูปแบบการจัดกิจรรมแบบ PRAWIT เพื่อส่งเสริมทักษะการเรียนรู้ของเด็กปฐมวัย ผู้วิจัยนำรูปแบบการจัดกิจกรรมแบบ PARWIT ไปทดลองกับกลุ่มตัวอย่าง คือ นักเรียนชั้นอนุบาลปีที่ 2 อายุ 4 - 5 ขวบ จำนวน 21 คน ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2561 โรงเรียนสาธิตละอออุทิศ สาขาลำปาง 8 สัปดาห์ โดยมีการประเมินทักษะการเรียนรู้ของเด็กปฐมวัยก่อนและหลังการทดลอง เพื่อเปรียบเทียบค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และความต่างของค่าเฉลี่ยก่อนและหลังการทดลอง ระยะที่ 3 การขยายผลรูปแบบการจัดกิจกรรมแบบ PRAWIT เพื่อส่งเสริมทักษะการเรียนรู้ของเด็กปฐมวัย นักศึกษาสาขาวิชาการศึกษาปฐมวัยนำรูปแบบการจัดกิจกรรมแบบ PARWIT ไปทดลองกับกลุ่มตัวอย่างที่สังกัดแตกต่างกัน จำนวน 4 โรงเรียน ได้แก่ 1) นักเรียนชั้นอนุบาลปีที่ 2 อายุ 4 - 5 ขวบ จำนวน 35 คน โรงเรียนผดุงวิทยา (วัดศรีบุญเรือง) สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน 2) นักเรียนชั้นอนุบาลปีที่ 2 อายุ 4 - 5 ขวบ จำนวน 25 คน โรงเรียนเทศบาล 5 (บ้านศรีบุญเรือง) สังกัดเทศบาลนครลำปาง 3) นักเรียนชั้นอนุบาลปีที่ 2 อายุ 4 - 5 ขวบ จำนวน 35 คน โรงเรียนอนุบาลลำปาง (เขลางค์รัตน์อนุสรณ์) สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานและ 4) นักเรียนเตรียมความพร้อมอนุบาล อายุ 4-5 ขวบ จำนวน 11 คน ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กหนองหล่ม สังกัดองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อเปรียบเทียบค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และความต่างของค่าเฉลี่ยก่อนและหลังการทดลอง ผลการวิจัยพบว่า 1) รูปแบบการจัดกิจกรรมแบบ PRAWIT เพื่อส่งเสริมทักษะการเรียนรู้ของเด็กปฐมวัย มี 6 องค์ประกอบสำคัญ คือ การปฏิสัมพันธ์กับสิ่งเร้า (Perception) การทบทวนข้อมูล (Rehearsal) การลงมือปฏิบัติกิจกรรม (Action) การเขียน (Write) การแสวงหาความรู้ (Inquiry) และการถ่ายโยงความรู้ (Transfer of Learning) และผู้เชี่ยวชาญประเมินความเหมาะสมของรูปแบบการจัดกิจกรรมแบบ PRAWIT ทั้งฉบับมีค่าเฉลี่ย 4.16 มีความเหมาะสมในระดับมากที่สุด 2. การจัดกิจกรรมตามรูปแบบจัดกิจกรรมแบบ PARWIT หลังการทดลองเด็กปฐมวัยมีทักษะการเรียนรู้สูงขึ้นกว่าก่อนการทดลองอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.5 ซึ่งก่อนการทดลอง มีค่าเฉลี่ย 14.04 ส่วนเบี่ยนเบนมาตราฐาน 0.74 หลังการมีค่าเฉลี่ย 23.14 ส่วนเบี่ยนเบนมาตราฐาน 2.22 ก่อนและหลังการทดลองมีค่าความแตกต่างของค่าเฉลี่ยเท่ากับ 9.10 และมีขนาดความแตกต่างทางคณิตศาสตร์ขนาดปานกลาง (d = 0.53) 3. การจัดกิจกรรมตามรูปแบบจัดกิจกรรมแบบ PARWIT หลังการทดลองเด็กปฐมวัยมีทักษะการเรียนรู้สูงขึ้นกว่าก่อนการทดลองทั้ง 4 โรงเรียน ดังนี้ 3.1 โรงเรียน A ทักษะการเรียนรู้หลังการทดลองสูงกว่าก่อนการทดลอง อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.5 ซึ่งก่อนการทดลองมีค่าเฉลี่ย 11.91 ส่วนเบี่ยงเบนมาตราฐาน 1.75 หลังการทดลองมีค่าเฉลี่ย 16.77 ส่วนเบี่ยนเบนมาตราฐาน 1.68 ก่อนและหลังการทดลองมีค่าความแตกต่างของค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.86 และมีขนาดความแตกต่างทางคณิตศาสตร์ขนาดเล็กน้อย (d = 0.02) 3.2 โรงเรียน B ทักษะการเรียนรู้หลังการทดลองสูงกว่าก่อนการทดลอง อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.5 ซึ่งก่อนการทดลองมีค่าเฉลี่ย 11.88 ส่วนเบี่ยงเบนมาตราฐาน 1.76 หลังการทดลองมีค่าเฉลี่ย 16.68 ส่วนเบี่ยนเบนมาตราฐาน 1.84 ก่อนและหลังการทดลองมีค่าความแตกต่างของค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.80 และมีขนาดความแตกต่างทางคณิตศาสตร์ขนาดเล็กน้อย (d = 0.02) 3.3 โรงเรียน C ทักษะการเรียนรู้หลังการทดลองสูงกว่าก่อนการทดลอง อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.5 ซึ่งก่อนการทดลองมีค่าเฉลี่ย 11.91 ส่วนเบี่ยงเบนมาตราฐาน 1.63 หลังการทดลองมีค่าเฉลี่ย 16.68 ส่วนเบี่ยนเบนมาตราฐาน 1.47 ก่อนและหลังการทดลองมีค่าความแตกต่างของค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.77 และมีขนาดความแตกต่างทางคณิตศาสตร์ขนาดเล็กน้อย (d = 0.04) 3.4 โรงเรียน C ทักษะการเรียนรู้หลังการทดลองสูงกว่าก่อนการทดลอง อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.5 ซึ่งก่อนการทดลองมีค่าเฉลี่ย 11.81 ส่วนเบี่ยงเบนมาตราฐาน 1.66 หลังการทดลองมีค่าเฉลี่ย 15.90 ส่วนเบี่ยนเบนมาตราฐาน 1.04 ก่อนและหลังการทดลองมีค่าความแตกต่างของค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.09 และมีขนาดความแตกต่างทางคณิตศาสตร์ขนาดเล็กน้อย (d = 0.02) | |
| dc.identifier.uri | https://repository.dusit.ac.th/handle/123456789/12122 | |
| dc.publisher | มหาวิทยาลัยสวนดุสิต | |
| dc.subject | ปฐมวัย -- กิจกรรม | |
| dc.subject | ปฐมวัย -- ทักษะการเรียนรู้ | |
| dc.subject | การพัฒนารูปแบบการจัดกิจกรรม -- เด็กปฐมวัย | |
| dc.title | การพัฒนารูปแบบการจัดกิจกรรมแบบ PRAWIT เพื่อส่งเสริมทักษะการเรียนรู้ของเด็กปฐมวัย | |
| mods.location.url | https://ebooks.dusit.ac.th/detail.php?recid=2521 |