ศิลปะการใช้ภาษาในงานประพันธ์เพลงของยืนยง โอภากุล (ศึกษาเฉพาะกรณีเพลงที่กล่าวถึงนามบุคคล)

Date
ISBN
Journal Title
Journal ISSN
Volume Title
Resource Type
Publisher
มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต
Views
Views7
Usage analytics
Journal Title
ศิลปะการใช้ภาษาในงานประพันธ์เพลงของยืนยง โอภากุล (ศึกษาเฉพาะกรณีเพลงที่กล่าวถึงนามบุคคล)
Authors
Recommended by
Abstract
งานวิจัย เรื่อง ศิลปะการใช้ภาษาในงานประพันธ์เพลงของยืนยง โอภากุล (ศึกษาเฉพาะกรณีเพลงในที่กล่าวถึงนามบุคคล) มีวัตถุประสงค์เพื่อวิเคราะห์ภาษาด้านการใช้คำและโวหารภาพพจน์ในงานประพันธ์ของยืนยง โอภากุล โดยศึกษาจากแนวความคิด ทัศนะส่วนตัว จินตนาการและอารมณ์ ของผู้ประพันธ์ ที่สื่อสารผ่านบทเพลง ที่กล่าวถึง นามบุคคล ผู้วิจัยใช้วิธีค้นคว้าข้อมูลเบื้องต้นจากเอกสาร สิ่งพิมพ์ ทฤษฎีและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง สัมภาษณ์ผู้ประพันธ์เพลง โดยมีเพลง ที่กล่าวถึงนามบุคคล จำนวน 20 เพลง เป็นเครื่องมือในการวิจัย ผู้วิจัยได้ข้อสรุปจากการรวบรวมข้อมูลทั้งหมด นำมาวิเคราะห์และสังเคราะห์เพื่อให้ได้ผลการวิจัยที่สมบูรณ์ตามวิธีการข้างต้น ได้ผลดังนี้
ผู้ประพันธ์ (ยืนยง โอภากุล) เลือกใช้โวหารต่าง ๆ ในการประพันธ์ จำนวน 11 โวหาร คือ
๑. โวหารเลียนแบบ ผู้ประพันธ์ใช้เพื่ออ้างถึงบุคคลหรือเหตุการณ์หรือพฤติกรรมหรือข้อความมาเปรียบเทียบกับหรือพฤติกรรมของบุคคลที่ผู้ประพันธ์กล่าวถึง พบจำนวน 22 ครั้ง
๒. โวหารถามชวนคิด ผู้ประพันธ์ใช้การตั้งประโยคคำถาม แต่ไม่ต้องการคำตอบ เพื่อเรียกร้องความสนใจหรือกระตุ้นให้ผู้ฟังเพลงคิดตาม นำไปสู่การค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมอย่างรอบด้าน พบจำนวน 11 ครั้ง
๓. อุทธาหรณ์ ผู้ประพันธ์ใช้เพื่อการเปรียบเรื่องราว เหตุการณ์ โดยการยกข้อความที่ง่ายต่อการเข้าใจเทียบกับสิ่งที่ผู้ประพันธ์ต้องการเสนอ โดยเลือกใช้สุภาษิต คำพังเพย พบจำนวน 11 ครั้ง
๔. บุคลาธิษฐาน ผู้ประพันธ์ใช้เป็นโวหาร เพื่อนำสรรพสิ่งต่าง ๆ ทั้งที่มีชีวิตและไม่มีชีวิตให้มีความรู้สึกนึกคิดและแสดงกิริยาอาการต่าง ๆ ให้ได้เหมือนคน เป็นการประพันธ์ที่มุ่งให้กระทบอารมณ์และเกิดความสะเทือนใจ พบจำนวน 11 ครั้ง
๕. คำซ้ำ ผู้ประพันธ์ใช้เพื่อย้ำคำหรือข้อความ ที่เป็นสาระสำคัญของการเล่าเรื่อง พบจำนวน 10 ครั้ง
๖. อุปมา ผู้ประพันธ์ใช้เพื่อเปรียบของสองสิ่งว่าคล้ายกัน คำที่ผู้ประพันธ์ใช้ ได้แก่ ปาน ราว ดัง เหมือน ดุจ พบจำนวน 10 ครั้ง
๗. โวหารเปรียบเทียบ ผู้ประพันธ์ใช้เปรียบเทียบของสองสิ่งว่าเป็นสิ่งเดียวกันหรือเท่ากันทุกประการ พบจำนวน 9 ครั้ง
๘. โวหารกล่าวเกินจริง ผู้ประพันธ์ใช้เพื่อเน้นความรู้สึกในการประพันธ์ เป็นกลวิธีของผู้ใช้ภาษาที่จะช่วยให้ผู้อ่านเข้าถึงจินตนาการ หรืออารมณ์ของผู้ประพันธ์ พบจำนวน 7 ครั้ง
๙. นามนัย ผู้ประพันธ์ใช้เพื่อการกล่าวถึงเรื่องหนึ่งแต่ต้องการให้เข้าใจความหมายเป็นอย่างอื่น พบจำนวน 5 ครั้ง
๑๐. สมพจนัย ผู้ประพันธ์กล่าวถึงเรื่องราวเพียงส่วนหนึ่งแต่มีความหมายครอบคลุมหมดทุกส่วน พบจำนวน 4 ครั้ง
๑๑. อาวัตพากย์ ผู้ประพันธ์เรียกผลของสัมผัสที่ผิดไปจากธรรมดา พบจำนวน 2 ครั้ง
ข้อสรุปเรื่องแนวความคิด ทัศนะส่วนตัว จินตนาการและอารมณ์ของ ผู้ประพันธ์ที่สื่อสารผ่านบทเพลงที่กล่าวถึงบุคคล พบว่า
ผู้ประพันธ์เลือกบุคคลที่จะนำมากล่าวถึงในบทเพลงโดยเกิดจากแรงบันดาลใจ 3 ส่วน คือ
1. จากการอ่านหนังสือ 2. จากประสบการณ์ที่ได้พบ ได้พูดคุย หรือรับรู้เรื่องราวของบุคคลทั้งโดยตรงและผ่านการบอกเล่าจากบุคคลอื่น 3. ผู้ประพันธ์ศึกษาและวิเคราะห์พฤติกรรมของบุคคลนั้น เพื่อนำมาแสดงทัศนะส่วนตัวในการประพันธ์เพลง
ผู้ประพันธ์สอดแทรกอารมณ์และทัศนะส่วนตัว 2 ประการ คือ ชื่นชมและตำหนิตัวบุคคล ที่กล่าวถึงในการประพันธ์
นอกเหนือจากนี้ ผู้วิจัยยังพบว่า ผู้ประพันธ์มีจุดมุ่งหมายในการใช้ ดนตรีเป็นเครื่องมือในการจุดประกายและปลดปล่อยภาระบางประการของสังคมไทย ผ่านตัวบุคคลที่ผู้ประพันธ์กล่าวถึงด้วยคนต้นแบบที่มีความหลากหลาย แต่มีความโดดเด่น มีพฤติกรรมที่สามารถนำเป็นแบบอย่างให้กับบุคคลรุ่นต่อไป บุคคลส่วนใหญ่ผู้ประพันธ์กล่าวถึงด้วยทัศนคติเชิงบวก
ผู้ประพันธ์เพลงใช้ การเล่าเรื่องคล้ายคลึงกับการเขียนสารคดีชีวประวัติ ซึ่งเนื้อหาจะอยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริงที่เกิดขึ้น ผสมผสานกับความงดงามทางภาษาแบบร้อยกรอง สร้างรูปแบบที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว เพื่อให้คนฟังเพลงแล้วรู้สึกกระจ่างในทันที
เมื่อนำมาใส่จังหวะดนตรี เพื่อเป็นอีกหนึ่งองค์ประกอบในการ ขับเคลื่อน บอกเล่าเนื้อหาผู้ประพันธ์ใช้จังหวะของดนตรีแยกได้ 8 จังหวะ โดยมีจังหวะ Rock ใช้มากที่สุด จำนวน 7 เพลง