การพัฒนาดัชนีความรอบรู้ด้านสุขภาพของผู้สูงอายุ
| dc.contributor.author | ธณิดา พุ่มท่าอิฐ | |
| dc.contributor.author | ดวงเนตร ธรรมกุล | |
| dc.contributor.author | ญาดารัตน์ บาลจ่าย | |
| dc.date.accessioned | 2025-05-16T05:52:13Z | |
| dc.date.accessioned | 2025-09-03T03:46:44Z | |
| dc.date.available | 2025-05-16T05:52:13Z | |
| dc.date.available | 2025-09-03T03:46:44Z | |
| dc.description.abstract | การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) พัฒนาดัชนีความรอบรู้ด้านสุขภาพในผู้สูงอายุ เขตบางพลัด กรุงเทพมหานคร 2) ศึกษาระดับความรอบรู้ด้านสุขภาพ และพฤติกรรมสุขภาพของผู้สูงอายุ เขตบางพลัด กรุงเทพมหานคร และ 3) ศึกษาความสัมพันธ์ของระดับความรอบรู้ด้านสุขภาพกับพฤติกรรมสุขภาพของผู้สูงอายุ เขตบางพลัด กรุงเทพมหานคร วิธีการวิจัย: เป็นการวิจัยแบบผสมผสาน กลุ่มตัวอย่างคือผู้สูงอายุที่อาศัยอยู่ประจำตามทะเบียนบ้านในเขตบางพลัด กรุงเทพมหานคร ใช้การสุ่มตัวอย่างแบบง่าย จากชุมชน 48 ชุมชน เลือกได้ 6 ชุมชน และใช้การเลือก ตัวอย่างแบบบังเอิญ ได้กลุ่มตัวอย่าง จำนวน 396 คน เครื่องมือประกอบด้วยแบบสอบถามความรอบรู้ ด้านสุขภาพ จำนวน 40 ตัวชี้วัด และแบบสอบถามพฤติกรรมสุขภาพของผู้สูงอายุ จำนวน 17 ข้อ ดำเนินการตรวจสอบความจากผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวน 3 ท่าน ทดสอบความเที่ยงด้วยการหาค่าสัมประสิทธิ์แอลฟาครอนบาค และวิเคราะห์องค์ประกอบเชิงสำรวจ และเชิงยืนยันด้วยโปรแกรมลิ สเรล วิเคราะห์ข้อมูลระดับความรอบรู้ด้านสุขภาพ และพฤติกรรมสุขภาพของผู้สูงอายุ ด้วยร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และทดสอบความสัมพันธ์ด้วยสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์แบบเพียร์สัน ผลการวิจัย: พบว่า โมเดลการวัดดัชนีความรอบรู้ด้านสุขภาพมีความสอดคล้องกลมกลืนกับข้อมูลเชิงประจักษ์ (c2(358, N=393) x=402, p=0.051, AGFI = 0.90) และอัตราส่วนระหว่างค่า c2 และค่าองศาอิสระ=1.12 เมื่อพิจารณาค่าน้ำหนักองค์ประกอบในรูปคะแนนมาตรฐานของตัวแปรสังเกตได้ในโมเดลการวัดความรอบรู้ด้านสุขภาพ พบว่า น้ำหนักองค์ประกอบทั้งหมดมีค่าเป็นบวก ขนาด .54 ถึง .82 มีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 ประกอบด้วยโครงสร้างจำนวน 8 องค์ประกอบย่อย ได้แก่ 1) การเข้าถึงข้อมูลสุขภาพ 2) การรู้เท่าทันสื่อ 3) การจัดการตนเอง 4) ทักษะการสื่อสาร 5) การเข้าถึงบริการสุขภาพ 6) การรู้หนังสือ 7) ความเข้าใจข้อมูลทางสุขภาพ และ 8) ความเข้าใจในการดูแลสุขภาพ ระดับความรอบรู้ด้านสุขภาพ และพฤติกรรมสุขภาพ พบว่า กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่มีระดับความรอบรู้ด้านสุขภาพอยู่ในระดับสูง ร้อยละ 86.12 มีพฤติกรรมสุขภาพอยู่ในระดับดี ร้อยละ 89.90 โดยพบว่า ความรอบรู้ด้านสุขภาพมีความสัมพันธ์ทางบวกระดับปานกลางกับพฤติกรรมสุขภาพ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 (r=.77**, p <.01) สรุป: เครื่องมือวัดระดับความรอบรู้ด้านสุขภาพของผู้สูงอายุ มีความเหมาะสมในการนำไปใช้ได้ โดยพบผู้สูงอายุมีความรอบรู้ด้านสุขภาพระดับสูงและพฤติกรรมสุขภาพดี แต่ผู้สูงอายุต้องเผชิญความเสี่ยงในเรื่องความเฉื่อยทางปัญญาอันสืบเนื่องมาจากความเสื่อมถอยของระบบร่างกาย ดังนั้น จึงมีความจำเป็นในการสร้างเสริมความรอบรู้ด้านสุขภาพให้เหมาะสมกับวัย และต้องพัฒนาให้คงอยู่ ตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา | |
| dc.identifier.uri | https://repository.dusit.ac.th/handle/123456789/12129 | |
| dc.publisher | มหาวิทยาลัยสวนดุสิต | |
| dc.subject | ผู้สูงอายุ -- สูขภาพและการการดูแล | |
| dc.title | การพัฒนาดัชนีความรอบรู้ด้านสุขภาพของผู้สูงอายุ | |
| mods.location.url | https://ebooks.dusit.ac.th/detail.php?recid=3399 |