การพัฒนาดัชนีความรอบรู้ด้านสุขภาพของผู้สูงอายุ

Default Image
Date
ISBN
Journal Title
Journal ISSN
Volume Title
Resource Type
Publisher
มหาวิทยาลัยสวนดุสิต
Usage analytics
Journal Title
การพัฒนาดัชนีความรอบรู้ด้านสุขภาพของผู้สูงอายุ
Recommended by
Abstract
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) พัฒนาดัชนีความรอบรู้ด้านสุขภาพในผู้สูงอายุ เขตบางพลัด กรุงเทพมหานคร 2) ศึกษาระดับความรอบรู้ด้านสุขภาพ และพฤติกรรมสุขภาพของผู้สูงอายุ เขตบางพลัด กรุงเทพมหานคร และ 3) ศึกษาความสัมพันธ์ของระดับความรอบรู้ด้านสุขภาพกับพฤติกรรมสุขภาพของผู้สูงอายุ เขตบางพลัด กรุงเทพมหานคร วิธีการวิจัย: เป็นการวิจัยแบบผสมผสาน กลุ่มตัวอย่างคือผู้สูงอายุที่อาศัยอยู่ประจำตามทะเบียนบ้านในเขตบางพลัด กรุงเทพมหานคร ใช้การสุ่มตัวอย่างแบบง่าย จากชุมชน 48 ชุมชน เลือกได้ 6 ชุมชน และใช้การเลือก ตัวอย่างแบบบังเอิญ ได้กลุ่มตัวอย่าง จำนวน 396 คน เครื่องมือประกอบด้วยแบบสอบถามความรอบรู้ ด้านสุขภาพ จำนวน 40 ตัวชี้วัด และแบบสอบถามพฤติกรรมสุขภาพของผู้สูงอายุ จำนวน 17 ข้อ ดำเนินการตรวจสอบความจากผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวน 3 ท่าน ทดสอบความเที่ยงด้วยการหาค่าสัมประสิทธิ์แอลฟาครอนบาค และวิเคราะห์องค์ประกอบเชิงสำรวจ และเชิงยืนยันด้วยโปรแกรมลิ สเรล วิเคราะห์ข้อมูลระดับความรอบรู้ด้านสุขภาพ และพฤติกรรมสุขภาพของผู้สูงอายุ ด้วยร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และทดสอบความสัมพันธ์ด้วยสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์แบบเพียร์สัน ผลการวิจัย: พบว่า โมเดลการวัดดัชนีความรอบรู้ด้านสุขภาพมีความสอดคล้องกลมกลืนกับข้อมูลเชิงประจักษ์ (c2(358, N=393) x=402, p=0.051, AGFI = 0.90) และอัตราส่วนระหว่างค่า c2 และค่าองศาอิสระ=1.12 เมื่อพิจารณาค่าน้ำหนักองค์ประกอบในรูปคะแนนมาตรฐานของตัวแปรสังเกตได้ในโมเดลการวัดความรอบรู้ด้านสุขภาพ พบว่า น้ำหนักองค์ประกอบทั้งหมดมีค่าเป็นบวก ขนาด .54 ถึง .82 มีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 ประกอบด้วยโครงสร้างจำนวน 8 องค์ประกอบย่อย ได้แก่ 1) การเข้าถึงข้อมูลสุขภาพ 2) การรู้เท่าทันสื่อ 3) การจัดการตนเอง 4) ทักษะการสื่อสาร 5) การเข้าถึงบริการสุขภาพ 6) การรู้หนังสือ 7) ความเข้าใจข้อมูลทางสุขภาพ และ 8) ความเข้าใจในการดูแลสุขภาพ ระดับความรอบรู้ด้านสุขภาพ และพฤติกรรมสุขภาพ พบว่า กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่มีระดับความรอบรู้ด้านสุขภาพอยู่ในระดับสูง ร้อยละ 86.12 มีพฤติกรรมสุขภาพอยู่ในระดับดี ร้อยละ 89.90 โดยพบว่า ความรอบรู้ด้านสุขภาพมีความสัมพันธ์ทางบวกระดับปานกลางกับพฤติกรรมสุขภาพ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 (r=.77**, p <.01) สรุป: เครื่องมือวัดระดับความรอบรู้ด้านสุขภาพของผู้สูงอายุ มีความเหมาะสมในการนำไปใช้ได้ โดยพบผู้สูงอายุมีความรอบรู้ด้านสุขภาพระดับสูงและพฤติกรรมสุขภาพดี แต่ผู้สูงอายุต้องเผชิญความเสี่ยงในเรื่องความเฉื่อยทางปัญญาอันสืบเนื่องมาจากความเสื่อมถอยของระบบร่างกาย ดังนั้น จึงมีความจำเป็นในการสร้างเสริมความรอบรู้ด้านสุขภาพให้เหมาะสมกับวัย และต้องพัฒนาให้คงอยู่ ตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา
Description
Citation
View online resources
Collections