ผลของโปรแกรมกลุ่มบำบัดตามแนวคิดการปรับความคิดและพฤติกรรมร่วมกับการฝึกสมาธิบำบัดต่อระดับความเครียดในการเรียนวิชาการสร้างเสริม สุขภาพจิต แลการพยาบาลจิตเวชของนักศึกษาพยาบาลชั้นปีที่ 3 คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยสวนดุสิต

Date
ISBN
Journal Title
Journal ISSN
Volume Title
Resource Type
Publisher
มหาวิทยาลัยสวนดุสิต
Views
Views2
Usage analytics
Journal Title
ผลของโปรแกรมกลุ่มบำบัดตามแนวคิดการปรับความคิดและพฤติกรรมร่วมกับการฝึกสมาธิบำบัดต่อระดับความเครียดในการเรียนวิชาการสร้างเสริม สุขภาพจิต แลการพยาบาลจิตเวชของนักศึกษาพยาบาลชั้นปีที่ 3 คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยสวนดุสิต
Recommended by
Abstract
การวิจัยนี้เป็นการวิจัยกึ่งทดลอง มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผลของโปรแกรมกลุ่มบำบัดตามแนวคิดการปรับความคิดและพฤติกรรมร่วมกับการฝึกสมาธิบำบัดต่อระดับความเครียดในการเรียนวิชาการสร้างเสริมสุขภาพจิตและการพยาบาลจิตเวชของนักศึกษาพยาบาล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต กลุ่มตัวอย่าง คือ นักศึกษาพยาบาลชั้นปีที่ 3 คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยสวนดุสิต ภาคการศึกษาที่ 2 ปีการศึกษา 2562 จำนวน 42 คน ที่ลงทะเบียนเรียนวิชาการสร้างเสริมสุขภาพจิต และการพยาบาลจิตเวช คัดเลือกกลุ่มตัวอย่างใช้วิธีสุ่มอย่างง่าย เครื่องมือที่ใช้ในการทดลอง ประกอบด้วย 1) โปรแกรมกลุ่มบำบัดตามแนวคิดการปรับความคิดและพฤติกรรมร่วมกับการฝึกสมาธิบำบัด มีขั้นตอนการบำบัด 6 ครั้ง ประกอบด้วย เทคนิคการบำบัดตามแนวคิดการปรับความคิดและพฤติกรรม โดยฝึกประเมินความเครียด ตรวจสอบฝึกการปรับความคิดเชิงบวกจากสถานการณ์ทั่วไป และการนำไปใช้ประโยชน์ร่วมกับเทคนิคการฝึกสมาธิบำบัด SKT 1 2) แบบบันทึกข้อมูลส่วนบุคคล และ 3) แบบประเมินความเครียดของโรงพยาบาลสวนปรุง (SPST-20) ดำเนินการเก็บรวบรวมข้อมูล 20 สัปดาห์ วิเคราะห์ข้อมูลส่วนบุคคล ด้วยสถิติเชิงพรรณนา วิเคราะห์เปรียบเทียบความแตกต่างของคะแนนความเครียดของกลุ่มตัวอย่างก่อนและหลังการทดลอง โดยใช้สถิติ paired sample t-test ผลการวิจัยพบว่า คะแนนความเครียดของกลุ่มตัวอย่างที่เข้ารับโปรแกรมการปรับความคิด และพฤติกรรมร่วมกับการฝึกสมาธิบำบัด ก่อนเข้ารับโปรแกรมฯ มีค่าเฉลี่ยร้อยละ 57.06±13.36 หลัง สิ้นสุดโปรแกรมฯทันที มีค่าเฉลี่ยร้อยละ 53.44±12.80 และหลังสิ้นสุดโปรแกรมฯ เดือนที่ 3 มีค่าเฉลี่ยร้อยละ 40.60±11.45 เมื่อเปรียบเทียบความแตกต่างของคะแนนความเครียดของกลุ่ม ตัวอย่างทางสถิติ พบว่า ค่าคะแนนความเครียดหลังเข้ารับโปรแกรมฯ เดือนที่ 3 ต่ำกว่าก่อนเข้ารับโปรแกรมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p< .05) สรุปได้ว่าการปรับความคิดและพฤติกรรมร่วมกับการฝึกสมาธิบำบัด เป็นวิธีหนึ่งที่เหมาะสมในการจัดการความเครียดของนักศึกษาพยาบาล ในการเรียนวิชาการสร้างเสริมสุขภาพจิตและการพยาบาลจิตเวช และสามารถนำไปปรับใช้ในรายวิชาอื่น ๆ ได้