Suan Dusit Poll
Permanent URI for this community
Browse
Browsing Suan Dusit Poll by Author "จิรานุช โสภา"
Now showing 1 - 6 of 6
Results Per Page
Sort Options
Item “Charisma” บารมี หรือ เสน่ห์ แห่งการเป็นผู้นำ(สยามรัฐ, 2023-06-13) จิรานุช โสภาจากหนังสือพิมพ์สยามรัฐ ปีที่ 73 ฉบับที่ 25090 วันที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2566 กล่าวว่า Charisma หรือ "บารมี" เป็นคุณลักษณะพิเศษที่ทำให้บุคคลมีอิทธิพลต่อผู้คนอย่างลึกซึ้งโดยไม่ต้องใช้กำลังหรืออำนาจบังคับ เกิดจากแรงศรัทธา ความเลื่อมใส และการยอมรับจากมหาชน ซึ่งถือเป็นปัจจัยสำคัญในการเมืองควบคู่กับนโยบายและการสนับสนุนจากพรรคการเมือง แนวคิดนี้ถูกอธิบายโดย Max Weber ว่าเป็นหนึ่งในสามของอำนาจชอบธรรมทางการเมืองร่วมกับอำนาจตามจารีตและกฎหมาย ผู้นำที่มี Charisma มักจะได้รับการยอมรับจากภาพลักษณ์ ความสามารถในการสื่อสาร วิสัยทัศน์ ความกล้าหาญ ความจริงใจ และบุคลิกที่น่าเชื่อถือ ซึ่งช่วยชนะใจประชาชนและสร้างแรงสนับสนุนอย่างกว้างขวาง อย่างไรก็ตาม การมี Charisma เพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอ หากปราศจากระบบที่ดีในการตรวจสอบและสนับสนุนความโปร่งใสและผลงานที่เป็นรูปธรรม ดังนั้นในบริบทการเมืองไทย Charisma มีบทบาทสำคัญในการผลักดันบุคคลให้กลายเป็นผู้นำที่ได้รับการยอมรับ แต่ความสำเร็จที่แท้จริงยังต้องพึ่งพาระบบและผลงานร่วมด้วยItem “การเมืองกับเรื่องของ Gen”(สยามรัฐ, 2023-05-23) จิรานุช โสภาจากหนังสือพิมพ์สยามรัฐ ปีที่ 73 ฉบับที่ 25075 วันที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2566 กล่าวว่า การเลือกตั้งใหญ่ของประเทศไทยเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2566 นับเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญทางการเมือง โดยมีปรากฏการณ์ “หักปากกาเซียน” “บ้านใหญ่ล้ม” และกระแส “ด้อม” ที่สะท้อนถึงความตื่นตัวทางการเมืองของคนทุกช่วงวัย โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ การเลือกตั้งครั้งนี้จึงแตกต่างจากเดิมอย่างชัดเจนด้วยอิทธิพลของ Generation ซึ่งเป็นตัวแปรสำคัญที่พรรคการเมืองต้องพิจารณาอย่างรอบด้านเพื่อวางกลยุทธ์การสื่อสารให้เหมาะสมกับผู้มีสิทธิเลือกตั้งในแต่ละรุ่น กลุ่ม Baby Boomer เคร่งขนบ อนุรักษนิยม ส่วน Generation X ยึดความมั่นคงและเสรีภาพในการใช้ชีวิต ขณะที่ Generation Y เน้นความสมดุลชีวิตและงาน ทะเยอทะยาน ส่วน Generation Z มีความคิดก้าวหน้า เปิดรับความหลากหลาย และให้ความสำคัญกับสิทธิมนุษยชน สุขภาพจิต และการแสดงออกอย่างอิสระ แม้ผลการเลือกตั้งจะสะท้อนความหวังและพลังของประชาชน แต่ความท้าทายที่แท้จริงคือการผลักดันนโยบายให้สำเร็จอย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งเป็นบทพิสูจน์ศักยภาพของรัฐบาลใหม่ในบริบทที่เต็มไปด้วยความเปลี่ยนแปลงItem ลมหายใจขององค์กร(สยามรัฐ, 2023-07-25) จิรานุช โสภาจากหนังสือพิมพ์สยามรัฐ ปีที่ 74 ฉบับที่ 25120 วันที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2566 กล่าวว่า บทความนี้อุปมา “ลมหายใจ” ว่าเป็นหัวใจสำคัญขององค์กร เปรียบเสมือนพลังขับเคลื่อนชีวิตของสิ่งมีชีวิต ซึ่งหากขาดลมหายใจ องค์กรก็ไม่สามารถดำรงอยู่หรือพัฒนาได้ ลมหายใจขององค์กรคือ “คน” หรือบุคลากรที่มีความมุ่งมั่น ทุ่มเท มีสติ และปัญญา ที่ช่วยให้องค์กรปรับตัวและอยู่รอดในยุคแห่งความไม่แน่นอน ผ่านแนวคิดเช่น Change Management, Roadmap และ Scenario Planning แนวคิดจากวัฒนธรรมญี่ปุ่น เช่น “อิชโชเก็มเม” (การทุ่มเทสุดชีวิต) และ “ริเนน” (เหตุผลจากสติ) สะท้อนคุณค่าของการทำงานเพื่อส่วนรวมมากกว่าตัวเอง โดยเฉพาะในมหาวิทยาลัยซึ่งเป็นแหล่งบ่มเพาะทุนมนุษย์ “ลมหายใจ” จึงหมายถึงกระบวนการสร้างองค์ความรู้และผลผลิตที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม บุคลากรต้องมีหัวใจเดียวกัน พร้อมเปลี่ยนแปลง และเดินหน้าอย่างมีเป้าหมาย (Ultimate Smart Goals) เพื่อความสำเร็จขององค์กรอย่างแท้จริงItem สวนดุสิตกับการเกษตร และ “หอมขจรฟาร์ม”(สยามรัฐ, 2023-03-14) จิรานุช โสภาจากหนังสือพิมพ์สยามรัฐ ปีที่ 73 ฉบับที่ 25025 วันที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2566 กล่าวถึง มหาวิทยาลัยสวนดุสิตเป็นสถาบันการศึกษาที่มีอัตลักษณ์ชัดเจน เช่น สวนดุสิตโพล อาหารและเบเกอรี่ โดยเฉพาะทอฟฟี่เค้กของโรงเรียนอนุบาลละอออุทิศ อีกทั้งมีรากฐานจากวิทยาลัยครู และมีความเชี่ยวชาญด้านการท่องเที่ยวและการบริการ อย่างไรก็ตาม มหาวิทยาลัยยังได้ขยายบทบาทสู่การเกษตร โดยเฉพาะที่วิทยาเขตสุพรรณบุรี ผ่านการจัดตั้ง "หอมขจรฟาร์ม" ซึ่งชื่อได้รับแรงบันดาลใจจากดอกไม้ประจำมหาวิทยาลัย ทั้งนี้แนวคิดการทำเกษตรของมหาวิทยาลัยไม่ใช่สิ่งใหม่ หากย้อนดูประวัติศาสตร์จะพบว่าพื้นที่สวนดุสิตเคยเป็นพื้นที่เกษตรและสวนในสมัยรัชกาลที่ 5 ซึ่งทรงมีพระราชประสงค์สร้างสวนป่าเพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้และพักผ่อน ทั้งยังมีการทดลองเกษตรแผนใหม่ภายใต้การร่วมมือกับผู้เชี่ยวชาญต่างประเทศ ปัจจุบัน มหาวิทยาลัยสวนดุสิตมุ่งเน้นการยกระดับชีวิตเกษตรกรด้วยองค์ความรู้และนวัตกรรมการเรียนการสอนที่เป็นเอกลักษณ์ของตนเองItem หยุด… “ความทุกข์” สร้าง “ความสุข” ด้วยศิลปะ(สยามรัฐ, 2023-07-04) จิรานุช โสภาจากหนังสือพิมพ์สยามรัฐ ปีที่ 74 ฉบับที่ 25105 วันที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2566 กล่าวว่า ในยุคที่ผู้คนต้องเผชิญกับความเครียดจากการดำรงชีวิตอันเร่งรีบ ศิลปะจึงกลายเป็นเครื่องมือหนึ่งที่ช่วยบำบัดจิตใจ มหาวิทยาลัยสวนดุสิตเล็งเห็นความสำคัญของเรื่องนี้ จึงจัดกิจกรรม “จิบกาแฟ” ภายใต้หัวข้อ “หยุด... ความทุกข์ สร้างความสุข ด้วยศิลปะ” โดย รองศาสตราจารย์ ดร.พิเชษฐ สุนทรโชติ กล่าวถึงบทบาทของศิลปะในการบำบัดจิตใจ ศิลปะมิใช่สิ่งตายตัว แต่คือความพยายามของมนุษย์ในการแสดงออกด้วยจินตนาการ มีทั้งวิจิตรศิลป์และประยุกต์ศิลป์ซึ่งช่วยเติมเต็มทั้งอารมณ์และร่างกาย การทำศิลปะช่วยให้สมองซีกซ้ายและขวาทำงานร่วมกันอย่างสมดุล ก่อให้เกิดความสุขและความผ่อนคลาย ศิลปะบำบัด (Art Therapy) เริ่มต้นในยุค 1950 โดยนำศิลปะมาช่วยเยียวยาทางจิตใจ เช่น วาดภาพหรือระบายสี ศิลปะอยู่รอบตัวและทุกคนสามารถเข้าถึงได้ ทั้งรู้ตัวและไม่รู้ตัว ดังคำกล่าวของ ศาสตราจารย์ศิลป พีระศรี ที่ว่า “ศิลปะไม่ได้สอนให้วาดรูปเป็น แต่สอนให้รู้จักการใช้ชีวิต”Item เรียนรู้ประวัติศาสตร์ เพื่อเข้าใจปัจจุบันและมองเห็นอนาคต”(สยามรัฐ, 2023-06-20) จิรานุช โสภาจากหนังสือพิมพ์สยามรัฐ ปีที่ 73 ฉบับที่ 25095 วันที่ 20 มิถุยายน พ.ศ. 2566 กล่าวว่า ในสังคมปัจจุบัน วิชาประวัติศาสตร์มักถูกมองว่าเป็นวิชาล้าหลัง เนื่องจากการเรียนการสอนเน้นการท่องจำเหตุการณ์ตามลำดับเวลา ทำให้ขาดความเข้าใจเชิงลึกในความสัมพันธ์ของเหตุการณ์และผลกระทบต่อปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม ประวัติศาสตร์เป็นการศึกษากิจกรรมของมนุษย์ในมิติเวลา เพื่อเข้าใจพัฒนาการของสังคม เศรษฐกิจ การเมือง และวัฒนธรรม การเรียนรู้ประวัติศาสตร์จึงช่วยให้เข้าใจรากเหง้าของปัญหาในปัจจุบัน และสามารถคาดการณ์อนาคตได้ การเปลี่ยนรูปแบบการเรียนจากเน้นเนื้อหาไปสู่การพัฒนาทักษะการคิดเชิงประวัติศาสตร์ (Historical Thinking) จะช่วยให้ผู้เรียนสามารถวิเคราะห์และตีความได้อย่างมีวิจารณญาณ แนวทางใหม่อย่าง Public History ยังเปิดโอกาสให้ประวัติศาสตร์เข้าถึงสาธารณะมากขึ้น ยิ่งในยุคโลกาภิวัตน์ที่ผู้คนตั้งคำถามกับอัตลักษณ์ของตนเอง การเรียนรู้ประวัติศาสตร์จึงยิ่งจำเป็น เพราะประวัติศาสตร์ไม่ได้เป็นเพียงเรื่องของอดีต แต่คือกุญแจสู่การเข้าใจปัจจุบัน และเตรียมพร้อมสำหรับอนาคต