แนวทางการพัฒนาการมีส่วนร่วมในการจัดการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ของประชาชนในท้องถิ่น กรณีศึกษาเกาะลิบง อำเภอกันตัง จังหวัดตรัง

Date
ISBN
Journal Title
Journal ISSN
Volume Title
Resource Type
Publisher
Views
Views4
Usage analytics
Journal Title
แนวทางการพัฒนาการมีส่วนร่วมในการจัดการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ของประชาชนในท้องถิ่น กรณีศึกษาเกาะลิบง อำเภอกันตัง จังหวัดตรัง
Authors
Recommended by
Abstract
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาระดับการมีส่วนร่วมในการจัดการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ของประชาชน เพื่อเปรียบเทียบปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการมีส่วนร่วมในการจัดการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ของประชาชน และเพื่อเสนอแนวทางการพัฒนาการมีส่วนร่วมการจัดการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ของประชาชน การวิจัยนี้เป็นวิจัยแบบผสมผสาน ประกอบด้วยการใช้วิธีการวิจัยเชิงปริมาณ และการวิจัยเชิงคุณภาพโดยใช้แบบสอบถามและแบบสัมภาษณ์เชิงลึกแบบมีโครงสร้าง กลุ่มตัวอย่างเชิงปริมาณ ได้แก่ ชาวบ้านทั่วไปที่อาศัยในเกาะลิบง อำเภอกันตัง จังหวัดตรัง จำนวน 360 คน เชิงคุณภาพ ได้แก่ ผู้นำชุมชน เจ้าหน้าที่หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ ผู้ประกอบการธุรกิจการท่องเที่ยว วิเคราะห์ผลข้อมูลด้วยสถิติ เพื่อหาค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่าความแตกต่าง ด้วยวิธี t-test ใช้สถิติการวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว โดยใช้สถิติค่า ANOVA และทำการประมวลผลข้อมูลแบบพรรณนา ผลการวิจัยมีดังนี้ 1. การมีส่วนร่วมในการจัดการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ของประชากร อยู่ในระดับปานกลาง โดยส่วนใหญ่จะเข้ามีส่วนร่วมในด้านร่วมทำนุบำรุงรักษาสืบสานประเพณี วัฒนธรรม วิถีชีวิตแบบดั้งเดิมให้คงอยู่ และมีส่วนร่วมในการจัดการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์น้อยที่สุด คือ ด้านร่วมวางแผนและตัดสินใจ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าการมีส่วนร่วมของประชาชนในการจัดการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ยังมีไม่มากพอ อาจมีเพียงบางกลุ่มที่ได้เข้าไปมีส่วนร่วมในการดำเนินงานต่าง ๆ ทั้งนี้อาจเป็นเพราะแต่ละกลุ่มไม่มีช่วงเวลาที่ตรงกันหรือช่วงเวลาเดียวกันที่สามารถเข้าร่วมกิจกรรมได้ในทุกครั้ง ส่งผลให้การดำเนินงานต่าง ๆ ยังไม่ตรงตาม ความต้องการของกลุ่มประชาชนหรือกลุ่มผู้ประกอบการ ซึ่งสอดคล้องกับกลุ่มผู้นำชุมชนท้องถิ่น กลุ่มผู้ประกอบการที่เสนอว่าควรจะเปิดโอกาสหรือเพิ่มช่องทางในการมีส่วนร่วม เช่น จัดเวทีพูดคุย เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันในกลุ่มที่มีความเกี่ยวข้องในการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวบนเกาะลิบงให้ยั่งยืน อีกทั้งการรับรู้ของประชากรในการจัดการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ในภาพรวม พบว่า มีการรับรู้ในระดับมาก จากเสียงตามสาย แผ่นพับ ใบปลิว แต่การรับรู้ข้อมูลข่าวสารจากผู้นำชุมชนหรือประชาคมหมู่บ้านยังไม่มากพอนัก โดยส่วนใหญ่ประชาชนในท้องถิ่นมีการรับรู้ในการจัดการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ด้านความตระหนักถึงคุณค่าของทรัพยากรการท่องเที่ยว เพราะประชาชนส่วนใหญ่อาศัยอยู่เป็นเวลานานมากกว่า 10 ปีขึ้นไป ใช้ชีวิตมีวิถีวัฒนธรรมแบบดั้งเดิม จึงทำให้มีความรักความผูกพันกับพื้นที่มีความหวงแหนต่อพื้นที่ในการอนุรักษ์ทรัพยากรอยู่แล้ว แต่ควรส่งเสริมให้รับรู้ข่าวสารด้านการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์จากผู้มีส่วนได้เสีย เช่น มัคคุเทศก์ ผู้นำชุมชนหรือประชาคมหมู่บ้านให้มากขึ้นกว่าเดิม 2. ประชากรที่มีสถานภาพทั่วไป ได้แก่ อายุ พื้นที่ที่อาศัย อาชีพ ระดับการศึกษา รายได้แตกต่างกันจะมีส่วนร่วมในการจัดการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ในท้องถิ่นแตกต่างกัน และประชากรที่มีเพศ สถานภาพ และระยะเวลาที่อาศัย ต่างกันจะมีส่วนร่วมในการจัดการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ในท้องถิ่นไม่แตกต่างกัน ทั้งนี้ประชากรส่วนใหญ่นับถือศาสนามุสลิม โดยผู้เป็นหัวหน้าครอบครัวต้องมีความเป็นผู้นำที่ดีและภรรยาต้องเชื่อฟังและปฏิบัติตามเป็นคนแรก และมีระยะเวลาที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ส่วนใหญ่จะมากกว่า 10 ปี จึงทำให้มีความผูกพันกับพื้นที่และสภาพความเป็นอยู่วิถีชีวิต วัฒนธรรมที่เหมือนกัน จึงทำให้มีความคิดเห็นที่สัมพันธ์กัน 3. แนวทางการพัฒนาการมีส่วนร่วมในการจัดการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ของประชาชน พบว่า ควรเปิดโอกาสหรือเพิ่มช่องทางให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมวางแผน ติดตาม ประเมินผลเกี่ยวกับกิจกรรมการท่องเที่ยวมากกว่าเดิม เช่น การจัดเวทีพูดคุย แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันในกลุ่ม ของการพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์อย่างยั่งยืนในชุมชน ควรส่งเสริมให้ประชาชนมีส่วนร่วมดำเนินการที่พึงปฏิบัติได้โดยการนำวิถีชีวิตในท้องถิ่นมาปรับใช้ให้เกิดประโยชน์ในการท่องเที่ยว เช่น กิจกรรมการตกปลา กิจกรรมชมธรรมชาติ ซึ่งต้องมีการจัดการหรือผลักดันโดยกลุ่มการท่องเที่ยวโดยชุมชน และโครงการที่ส่งผลให้เกิดรายได้ เช่น การพัฒนาสินค้าอาหารทะเลแปรรูป อาชีพเสริม ช่วงนอกฤดูกาลท่องเที่ยว อบรมภาษา เป็นต้น และข้อเสนอแนะจากประชาชนในท้องถิ่น พบว่า ควรมีการประชาสัมพันธ์ โดยการจัดตั้งศูนย์บริการข้อมูลข่าวสารแก่นักท่องเที่ยว แผ่นพับ ป้ายบอกเส้นทาง จัดสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกให้แก่นักท่องเที่ยว เช่น ห้องน้ำ เครื่องบริการถอนเงินอัตโนมัติ จุดแลกสกุลเงิน อบรมเพิ่มศักยภาพให้คนในท้องถิ่นในการให้บริการที่ดี การต้อนรับการใช้ภาษาต่างประเทศ ควรส่งเสริมให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวมีจิตสำนึกในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ เช่น การไม่ทิ้งขยะในทะเล การรักษาความสะอาด การไม่ทำร้ายสัตว์ทะเล ตามความเชื่อ เป็นต้น ทั้งนี้ภาครัฐควรจัดการอบรมความรู้ความเข้าใจเพิ่มเติมจากที่ได้ดำเนินการอยู่แล้ว เพื่อให้ประชาชนในท้องถิ่นตระหนักถึงคุณค่าของทรัพยากรการท่องเที่ยวมากยิ่งขึ้น และควรให้ผู้นำชุมชน ภาครัฐที่มีส่วนเกี่ยวข้องด้านการท่องเที่ยวเข้ามาดำเนินงานพัฒนา รับผิดชอบในการจัดการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์อย่างเป็นรูปธรรมที่ชัดเจนและจริงจังมากขึ้น