การวิเคราะห์เครือข่ายทางสังคมการจัดการระบบนิเวศป่าชายเลนแม่น้ำเวฬุ จังหวัดจันทบุรี

dc.contributor.authorแทนทัศน์ เพียกขุนทด
dc.contributor.authorทักษ์ ทองภูเบศวร์
dc.date.accessioned2025-09-03T03:45:55Z
dc.date.available2025-09-03T03:45:55Z
dc.description.abstractการวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยแบบวิธีผสม มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เพื่อศึกษาลักษณะเครือข่ายทางสังคมของชุมชน ได้แก่ ขนาดของเครือข่ายสนทนา สายสัมพันธ์แบบสนิทและแบบผิวเผิน ตัวเชื่อมความสัมพันธ์ความหนาแน่นของเครือข่าย และระยะเวลาในการรักษาความสัมพันธ์ และ 2) เพื่อศึกษาการใช้ประโยชน์ของเครือข่ายทางสังคมต่อการส่งเสริมเครือข่ายชุมชนการจัดการระบบนิเวศป่าชายเลนปากแม่น้ำเวฬุ ในลักษณะข้อเสนอเชิงนโยบาย การวิจัยแบ่งเป็น 3 ขั้นตอน คือ ขั้นตอนแรก การวิเคราะห์เครือข่ายทางสังคมการจัดการระบบนิเวศป่าชายเลนแม่น้ำเวฬุ เก็บข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่างจำนวน 51 ราย ด้วยแบบสอบถาม ขั้นตอนที่สอง การวิเคราะห์การใช้ประโยชน์ของเครือข่ายทางสังคมต่อการส่งเสริมเครือข่ายชุมชนการจัดการระบบนิเวศป่าชายเลนปากแม่น้ำเวฬุ และขั้นตอนที่สาม ศึกษาการใช้ประโยชน์ของเครือข่ายทางสังคมต่อการส่งเสริมเครือข่ายชุมชนการจัดการระบบนิเวศป่าชายเลนปากแม่น้ำเวฬุ ในลักษณะข้อเสนอเชิงนโยบาย วิเคราะห์ข้อมูลสถิติเชิงพรรณนา ความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน และวิเคราะห์ลักษณะทางเครือข่ายทางสังคม ผลการวิจัยพบว่า กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในพื้นที่หมู่ที่ 6 บ้านสีลำเทียน และหมู่ที่ 2 บ้านปากน้ำเวฬุหรือบ้านโรงไม้เป็นชาวบ้าน ชาวประมง และเกษตรกรเพาะเลี้ยงเป็นส่วนใหญ่ เกินกว่ากึ่งหนึ่งเป็นผู้หญิง อยู่ในช่วงอายุ51 - 60 ปี การศึกษาต่ำกว่าปริญญาตรี อาชีพหลักทำประมง รองลงมาคือ ทำธุรกิจส่วนตัว มีรายได้เฉลี่ยต่อเดือนอยู่ในช่วง 10,001 - 15,000 บาท มีประสบการณ์ด้านการดูแลรักษาป่าชายเลนแม่น้ำเวฬุเป็นเวลา 10 - 15 ปี มีลักษณะเครือข่ายทางสังคมแบ่งเป็น ขนาดของเครือข่ายสนทนาเฉลี่ยเท่ากับ 5.169 คน ลักษณะสายสัมพันธ์แบบสนิทที่เกิดขึ้นเฉลี่ยเท่ากับ 3.406 คน และลักษณะความสัมพันธ์แบบผิวเผินมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 1.589 คน ตัวเชื่อมความสัมพันธ์มีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 9.693 คน ความหนาแน่นของเครือข่าย และระยะเวลาในการรักษาความสัมพันธ์มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.157 ชั่วโมง/สัปดาห์บุคคลศูนย์กลางของเครือข่ายและบุคคลที่ใกล้ชิดของสมาชิกเครือข่าย คือ แกนนำกลุ่มของหมู่ที่ 5 บ้านนากุ้ง บุคคลเชื่อมโยงเครือข่าย คือ กลุ่มเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงของหมู่ที่ 6 ประโยชน์ของเครือข่ายทางสังคมในเรื่องการช่วยแนะนำความรู้ในกระบวนการจัดการระบบนิเวศป่าชายเลน มีประโยชน์มากที่สุด รองลงมา คือ การใช้อ้างอิงเพื่อเข้าถึงบุคคลอื่น หรือสร้างความน่าเชื่อถือ ข้อเสนอเชิงนโยบายที่สำคัญ 2 ลำดับแรก คือ เร่งควบคุมการบุกรุกป่า การใช้เครื่องมือจับสัตว์น้ำ และการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำที่ไม่ถูกกฎหมาย และควรมีนโยบายให้ความรู้ ทำความเข้าใจ ให้ข้อมูล และการวางแผนร่วมกันอย่างมีส่วนร่วมกับกลุ่มประมงที่ทำโพงพางหลัก และจัดให้ตำบลบางชันเป็นพื้นที่พิเศษเพื่อจัดการทางน้ำด้วยการกำหนดมาตรการร่วมกับชุมชนในการควบคุมฟาร์ม แปลงเพาะเลี้ยงที่เป็นสาเหตุให้น้ำตื้นเขิน
dc.identifier.urihttps://repository.dusit.ac.th/handle/123456789/11735
dc.publisherมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต
dc.subjectป่าชายเลน -- การวิเคราะห์
dc.titleการวิเคราะห์เครือข่ายทางสังคมการจัดการระบบนิเวศป่าชายเลนแม่น้ำเวฬุ จังหวัดจันทบุรี
mods.location.urlhttps://ebooks.dusit.ac.th/detail.php?recid=1204
Files
Collections