การป้องกันการเกิดอนุมูลอิสระในเซลล์ลำไส้มนุษย์ที่ถูกเหนี่ยวนำด้วย ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ด้วยสารสกัดจากกากงาและผลิตภัณฑ์อาหารจากกากงา

Default Image
Date
ISBN
Journal Title
Journal ISSN
Volume Title
Resource Type
Publisher
Views
Views1
Usage analytics
Journal Title
การป้องกันการเกิดอนุมูลอิสระในเซลล์ลำไส้มนุษย์ที่ถูกเหนี่ยวนำด้วย ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ด้วยสารสกัดจากกากงาและผลิตภัณฑ์อาหารจากกากงา
Recommended by
Abstract
กากงาขาวและกากงาดำที่ไม่ผ่านและผ่านการฆ่าเชื้อถูกนำมาวิเคราะห์หาชนิดและปริมาณ สารให้กลิ่น ผลการศึกษาพบว่า กากงาทั้งสอง 2 ชนิดมีสารให้กลิ่น Methylpyrazine มากที่สุด เมื่อนำกากงาไปฆ่าเชื้อด้วยความร้อน พบว่า สารให้กลิ่นเกือบทุกชนิดมีปริมาณลดลง ยกเว้น 2 Methoxy-phenol ซึ่งเป็นสารให้กลิ่นที่พบในกากงาขาวมีปริมาณเพิ่มขึ้น การเก็บรักษากากงาที่ผ่าน การฆ่าเชื้อด้วยความร้อนในถุงรีทอร์ทเพาซ์ที่อุณหภูมิ 37 องศาเซลเซียส นาน 6 เดือน ส่งผลให้ สารให้กลิ่นทุกชนิดมีปริมาณลดลง ผลการวิเคราะห์สารอาหารแสดงให้เห็นว่า กากงาขาวและกากงาดำ มีคาร์โบไฮเดรต 25.43 และ 16.15 เปอร์เซ็นต์ โปรตีน 17.64 และ 20.03 เปอร์เซ็นต์ ไขมัน 12.15 และ 12.74 เปอร์เซ็นต์ กากใย 18.97 และ 19.07 เปอร์เซ็นต์ กรดไขมันที่พบมากที่สุดในกากงาทั้ง 2 ชนิด คือ กรดไลโนเลอิก (C18:2,n-6) การหาปริมาณสารส าคัญ ศักยภาพในการต้านอนุมูลอิสระ แสดงให้ เห็นว่า กากงาดำมีปริมาณโพลีฟีนอลทั้งหมด ไซยานิดิน วิตามินอี เซซามีน เซซาโมลิน และศักยภาพใน การต้านอนุมูลอิสระเมื่อวัดด้วยวิธี ORAC และ FRAP มากกว่ากากงาขาว รวมถึงพบว่า กากงาดำสามารถ ยับยั้งการเกิดอนุมูลอิสระในกลุ่ม Reactive oxygen species (ROS) และยับยั้งการหลั่งอินเตอร์ลิวคิน-8 (IL-8) ในเซลล์ล าไส้ที่มีสาเหตุมาจาก H2O2 ได้ดีกว่ากากงาขาว ดังนั้นจึงเลือกกากงาดำมาพัฒนาเป็น วอฟเฟิลส าหรับเด็กวัยเรียน ซึ่งท าโดยเสริมกากงาดำ 20, 40 หรือ 60 เปอร์เซ็นต์ของน้ าหนักแป้งสาลี ในต ารับพื้นฐาน ผลการประเมินทางประสาทสัมผัสด้วยวิธี 9-Point hedonic scale พบว่า ต ารับที่มี กากงาดำ 40 เปอร์เซ็นต์ มีคะแนนประเมินสูงสุดในทุกคุณลักษณะ จากนั้นนำวอฟเฟิลเสริมกากงาดำ 40 เปอร์เซ็นต์ ไปผ่านการจำลองการย่อยและนำไปหาปริมาณโพลีฟีนอลทั้งหมด ศักยภาพในการต้าน อนุมูลอิสระด้วยวิธี DPPH และ FRAP และความสามารถในการยับยั้งการหลั่ง IL-8 ในเซลล์ล าไส้ ที่มีสาเหตุมาจาก H2O2 ผลการศึกษาพบว่า วอฟเฟิลเสริมกากงาดำที่ผ่านการจำลองการย่อยมีปริมาณ โพลีฟีนอลทั้งหมด ศักยภาพในการต้านอนุมูลอิสระ และความความสามารถในการยับยั้งการหลั่ง IL-8 ในเซลล์ล าไส้สูงกว่าวอฟเฟิลเสริมกากงาดำที่ไม่ผ่านการจำลองการย่อย วอฟเฟิลเสริมกากงาดำ 40 เปอร์เซ็นต์ ปริมาณหนึ่งหน่วยบริโภค (85 กรัม) มีคาร์โบไฮเดรต 41.32 g โปรตีน 9.73 g ไขมัน 9.76 g กากใย 3.15 g และพลังงาน 292.04 kcal
Description
Citation
View online resources
Collections