ชุมชนสุขภาวะบนพื้นฐานศักยภาพของชุมชนและการมีส่วนร่วมของภาคีเครือข่าย: กรณีศึกษาชุมชน อำเภอเมือง จังหวดสุพรรณบุรี

Date
ISBN
Journal Title
Journal ISSN
Volume Title
Resource Type
Publisher
Views
Views2
Usage analytics
Journal Title
ชุมชนสุขภาวะบนพื้นฐานศักยภาพของชุมชนและการมีส่วนร่วมของภาคีเครือข่าย: กรณีศึกษาชุมชน อำเภอเมือง จังหวดสุพรรณบุรี
Recommended by
Abstract
การศึกษาชุมชนสุขภาวะบนพื้นฐานศักยภาพของชุมชนและการมีส่วนร่วมของภาคเครือข่าย: กรณีศึกษาชุมชน อำเภอเมือง จังหวัดสุพรรณบุรี เป็นการวิจัยแบบผสานวิธี (Mixed method) มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาศักยภาพชุมชน และการมีส่วนร่วมของภาคีเครือข่ายในการส่งเสริมชุมชน สุขภาวะ และศึกษารูปแบบการจัดกิจกรรมชุมชนสุขภาวะบนพื้นฐานศักยภาพของชุมชนและ การมีส่วนร่วมของภาคีเครือข่าย รวมทั้งสร้างแกนนำกิจกรรมชุมชนสุขภาวะ โดยทำการเก็บรวบรวมข้อมูลเชิงปริมาณจำนวน 400 ชุด เพื่อศึกษาเกี่ยวกับความรู้ ทัศนคติ และพฤติกรรมของประชาชน ในชุมชนในประเด็นที่สำคัญ 3 ด้าน คือ อาหาร การออกกำลังกาย และการดูแลรักษาสุขภาพของตนเอง ซึ่งได้รับคนและสมบูรณ์เพียงพอที่จะใช้วืเคราะห์ข้อมูลได้จำนวน 400 ชุด คิดเป็นร้อยละ 100.00 และทำการสัมมนากลุ่มย่อย รวมทั้งอบรมแกนนำ ผลการศึกษาพบว่า 1. กลุ่มตัวอย่างส่วนมากเป็นเพศหญงคิดเป็นร้อยละ 60.50 และมีอายุอยู่ระหว่าง 36 - 59 ปี คิดเป็นร้อยละ 43.50 ส่วนมากมีสถานภาพสมรส คิดเป็นร้อยละ 60.50 ด้านการศีกษาพบว่า กลุ่มตัวอย่างส่วนมากมีระดับการศึกษาต่ำกว่ามัธยมศึกษาปีที่ 6 คิดเป็นร้อยละ 64.25 ประกอบอาชีพ ค้าขายหรือรับจ้างทั่วไป คิดเป็นร้อยละ 27.50 และ 22.75 ตามลำดับ โดยส่วนมากมรายได้น้อยกว่า เท่ากับ 10,000 บาทต่อเดือน คิดเป็นร้อยละ 75.85 ด้านการเจ็บป่วยด้วยโรคพบว่า กลุ่มตัวอย่าง ส่วนมากไม่มีโรคประจำตัว คิดเป็นร้อยละ 45.50 2. ศักยภาพชุมชน และการมีส่วนร่วมของภาคีเครือข่ายในการส่งเสริมชุมชนสุขภาวะ ซึ่งพิจารณาจาก 3 ประเด็นที่สำคญคือ ผู้นำชุมชน ทรัพยากรบุคคล และการสื่อสารในชุมชน พบว่า ประเด็นทั้ง 3 ประชาชนในชุมชนเห็นด้วยว่าเป็นสิ่งสำคัญของศักยภาพของชุมชนมีค่าอยู่ในระดับมาก มีคะแนนเฉลี่ยเท่ากับ 3.95 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน 0.79 ส่วนด้านการมีส่วนร่วมของภาคีเครือข่าย โดยพิจารณาในประเด็นการมีส่วนร่วมของคนในชุมชนในการส่งเสริมและพัฒนาชุมชนสุขภาวะพบว่า ประชาชนเห็นด้วยว่าตนเองและ/หรือคนในชุมชนมีส่วนร่วม โดยมีค่าอยู่ในระดับมาก มีคะแนนเฉลี่ย เท่ากับ 3.46 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน 1.08 3. การศึกษารูปแบบการจัดกิจกรรมชุมชนสุขภาวะบนพื้นฐานศักยภาพของชุมชนและการมีส่วนร่วมของภาคีเครือข่ายพบว่า รูปแบบการจัดกิจกรรมการสร้างชุมชนสุขภาวะที่ดี ทั้ง 3 ด้าน ควรมีรูปแบบดังนี้ 1) กิจกรรมมีลักษณะที่ประชาชนสามารถทำด้วยตนเองได้ 2) กิจกรรมที่ทำต้องใช้เวลาน้อย ไม่เป็นอุปสรรคในการประกอบอาชีพ และ 3) กิจกรรมที่ทำหากต้องมีอุปกรณ์หรือวัตถุดิบ ประกอบต้องสามารถหาได้ง่ายจากชุมชน 4. การสร้างแกนนำกิจกรรมชุมชนสุขภาวะ พบว่ากระบวนการสร้างแกนนำโดยการอบรมให้ความรู้และการลงมือปฏิบัติจริงทำให้มีแกนนำใน 3 กลุ่มได้แก่ แกนนำการออกกำลังกายแบบยึดเหยียดกล้ามเนื้อ แกนนำด้านอาหารสุขภาพ และแกนนำด้านการดูแลรักษาตนเอง จำนวนกลุ่มละ 10 คน ซึ่งทั้งหมดเป็นสมาชิก อสม.