การพัฒนาทักษะการรู้คิดของครูปฐมวัยในยุคศตวรรษที่ 21 ของศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก

Default Image
Date
ISBN
Journal Title
Journal ISSN
Volume Title
Resource Type
Publisher
Journal Title
การพัฒนาทักษะการรู้คิดของครูปฐมวัยในยุคศตวรรษที่ 21 ของศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก
Recommended by
Abstract
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาและพัฒนาทักษะการรู้คิดของครูปฐมวัยในศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ประชากรที่ศึกษา คือ ครูปฐมวัยที่ปฏิบัติงาน ณ ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กที่อยู่ในโครงการความร่วมมือทางวิชาระหว่างมหาวิทยาลัยสวนดุสิตและกรมการปกครองส่วนท้องถิ่นในจังหวัดสุพรรณบุรี ปีการศึกษา 2559 จำนวน 1,616 คน กลุ่มตัวอย่างได้จากการใช้วิธีการสุ่มแบบเจาะจง จำนวน 306 คน เพื่อศึกษาความต้องการการพัฒนาและสภาพปัจจุบันของทักษะการรู้คิดของครูปฐมวัยและใช้วิธีการรับอาสาสมัครในการเข้าร่วมโครงการวิจัย จำนวน 60 คน โดยแบ่งเป็นกลุ่มทดลอง 30 คน และกลุ่มควบคุม 30 คนเพื่อศึกษาการพัฒนาทักษะการรู้คิด เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ 1) แบบสอบถามเกี่ยวกับความต้องการการพัฒนาทักษะการรู้คิดของครูปฐมวัยในศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก 2) แบบประเมินทักษะการรู้คิดของครูปฐมวัยในศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก 3) แบบประเมินทักษะการรู้คิดสำหรับเด็กปฐมวัยของศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล คือ 1) สถิติพื้นฐาน ได้แก่ ความถี่ ร้อยละ ค่ามัชฌิมเลขคณิต ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่าความเบ้ ค่าความโด่งแบน 2) การวิเคราะห์สถิติอ้างอิง ได้แก่ การทดสอบที (T-Test) และการทดสอบเอฟ (F-Test) การวิเคราะห์ความแปรปรวนแบบพหุ (MANOVA) ผลการวิจัยสรุปดังนี้ ดัชนีความต้องการจำเป็น (PNI modified) ในการพัฒนาทักษะการรู้คิดด้านความรู้เกี่ยวกับการรู้คิด 3 ลำดับแรกได้แก่ ลำดับที่ 1 ความต้องการเตรียมความพร้อมด้านข้อมูลสารสนเทศสำหรับการแก้ปัญหาที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอยู่เสมอ ลำดับที่ 2 ความต้องการพัฒนาความสามารถกำหนดและอธิบายยุทธวิธีในการทำงานจนบรรลุความสำเร็จได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลำดับที่ 3 ความต้องการพัฒนาความสามารถบอกสมรรถนะที่ใช้ในการปฏิบัติงาน ณ ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กเพียงพอต่อการปฏิบัติงานได้ ดัชนีความต้องการจำเป็นในด้านการควบคุมความคิดของตนเอง 3 ลำดับแรก ได้แก่ ลำดับที่ 1 ความต้องการการพัฒนาเทคนิควิธีการ เครื่องมือในการตรวจสอบความสำเร็จของงานที่หลากหลาย ลำดับที่ 2 ความต้องการการพัฒนาการประเมินผลการปฏิบัติงานทั้งก่อน ระหว่าง หลังการทำงานเสมอ ลำดับที่ 3 ความต้องการการพัฒนาการประเมินผลการปฏิบัติงานอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ ดัชนีความต้องการความรู้เกี่ยวกับหลักสูตรและนโยบาย รูปแบบการจัดการเรียนรู้ การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ สื่อ นวัตกรรม เพื่อพัฒนาการสอนทักษะการรู้คิดสำหรับเด็กปฐมวัย พบว่า ลำดับความต้องการจากมากที่สุดไปหาน้อยที่สุด ได้แก่ ลำดับที่ 1 ความต้องการการพัฒนาหลักสูตรและนโยบาย ลำดับที่ 2 ความต้องการการพัฒนาการวัดและประเมินผล ลำดับที่ 3 ความต้องการการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ และลำดับที่ 4 ความต้องการการพัฒนาสื่อและนวัตกรรม ทักษะการรู้คิดของครูปฐมวัยเมื่อจำแนกตามปัจจัยพื้นฐาน ได้แก่ การเข้าร่วมโครงการ อายุ ระดับการศึกษา การสนับสนุนจากองค์กร ประสบการณ์สอนปฐมวัย เจตคติต่อวิชาชีพครู และการรับรู้ความสามารถตนเองของครูปฐมวัยที่แตกต่างกันพบว่า คะแนนทักษะการรู้คิดด้านความรู้เกี่ยวกับการรู้คิด ความรู้การนำกระบวนการรู้คิด การวางแผน การกำกับติดตาม การประเมินผล และการควบคุมอารมณ์มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ทักษะการรู้คิดของครูปฐมวัยเมื่อจำแนกตามปัจจัยสถานภาพการเข้าร่วมโครงการพบว่า คะแนนทักษะการรู้คิดด้านความรู้เกี่ยวกับการรู้คิด ความรู้การนำกระบวนการรู้คิด การวางแผน การกำกับติดตาม การประเมินผล และการควบคุมอารมณ์ของกลุ่มครูปฐมวัยที่เข้าร่วมโครงการพัฒนาสูงกว่ากลุ่มครูที่ไม่ได้เข้าร่วมโครงการพัฒนาทุกด้านอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 ค่าเฉลี่ยทักษะการรู้คิดของครูปฐมวัยหลังเข้าร่วมโครงการทุกด้านได้แก่ ความรู้เกี่ยวกับการรู้คิด ความรู้การนำกระบวนการรู้คิด การวางแผน การกำกับติดตาม การประเมินผล และการควบคุมอารมณ์สูงกว่าก่อนเข้าร่วมโครงการอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 ค่าเฉลี่ยทักษะการรู้คิดของเด็กปฐมวัยหลังเข้าร่วมโครงการในด้าน ความรู้เกี่ยวกับการรู้คิด การกำกับติดตาม การประเมินผล การควบคุมอารมณ์ แรงจูงใจ ทักษะการรู้คิดรวม และคะแนนผลงานสูงกว่าก่อนเข้าร่วมโครงการอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 และทักษะการรู้คิดในด้านการเลือกใช้ยุทธวิธีของเด็กปฐมวัยหลังการเข้าร่วมโครงการสูงกว่าก่อนเข้าร่วมโครงการอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
Description
Citation
View online resources
Collections