การมีส่วนร่วมของชุมชนในการป้องกันมหาอุทกภัย กรณีศึกษาเทศบาลนครนนทบรีและเทศบาลนครปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี

Default Image
Date
ISBN
Journal Title
Journal ISSN
Volume Title
Resource Type
Publisher
Views
Views4
Usage analytics
Journal Title
การมีส่วนร่วมของชุมชนในการป้องกันมหาอุทกภัย กรณีศึกษาเทศบาลนครนนทบรีและเทศบาลนครปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี
Recommended by
Abstract
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาการมีส่วนร่วมของชุมชนในการป้องกันมหาอุทกภัย กรณีศึกษาเทศบาลนครนนทบุรีและเทศบาลนครปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี 2) เปรียบเทียบการมีส่วนร่วมของชุมชนในการป้องกันมหาอุทกภัยฯ และ 3) ศึกษาวิธีการบริหารจัดการป้องกันมหาอุทกภัยขององค์กรภาครัฐและเอกชนในเทศบาลนครนนทบุรีและเทศบาลนครปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี โดยใช้ระเบียบวิธีวิจัยแบบผสมผสาน (Mixed Method) ประกอบด้วย การวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research) และการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) ในการวิจัยเชิงปริมาณ ประชากร และกลุ่มตัวอย่างประชาชนในเขตเทศบาลนครนนทบุรี และเทศบาลนครปากเกร็ด สําหรับเทศบาลนครนนทบุรี ครอบคลุมพื้นที่ 5 ตําบล คือ ตําบลส่วนใหญ่ ตําบลตลาดขวัญ ตําบลบางเขน ตําบลบางกระสอ และตําบลท่าทราย จํานวน 115,894 ครัวเรือน และเทศบาลนครปากเกร็ด ครอบคลุมพื้นที่ 5 ตําบล คือ ตําบลปากเกร็ด ตําบลบางพูด ตําบลบางตลาด ตําบลคลองเกลือ และตําบลบานใหม่ จํานวน 80,000 ครัวเรือน รวมทั้งสิ้น 195,894 ครัวเรือน กําหนดขนาดกลุ่มตัวอย่าง โดยใช้สูตรของ Taro Yamane ที่ระดับความเชื่อมั่นร้อยละ 95 ความคลาดเคลื่อนร้อยละ 5 ได้ขนาดของกลุ่มตัวอย่าง 400 ครัวเรือน และสุ่มตัวอย่างตามสัดส่วนของครัวเรือนในแต่ละตําบล การวิจัยเชิงคุณภาพ กําหนดผู้ให้ข้อมูลสําคัญที่มีความเกี่ยวข้องและเชี่ยวชาญในวิธีการบริหารจัดการป้องกัน มหาอุทกภัยในเขตพื้นที่เทศบาลนครนนทบุรี และเทศบาลนครปากเกร็ด ประกอบด้วย ผู้บริหารระดับ นโยบายภาครัฐและเอกชน ข้าราชการ/นักการเมืองท้องถิ่น ผู้นํา/หัวหน้า/ประธานชุมชน และผู้เชี่ยวชาญด้านบริหารจัดการน้ำภาครัฐและเอกชนในพื้นที่และนอกพื้นที่ รวมทั้งสิ้น 20 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยเชิงปริมาณ เป็นแบบสอบถาม สถิติที่ใช้ในการวิจัย คือ ความถี่และร้อยละ และการมีส่วนร่วมในการป้องกันมหาอุทกภัยฯ สถิติที่ใช้คือ ค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และในการวิจัยเชิงคุณภาพ เป็นการสัมภาษณเชิงลึก วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้วิธีวิเคราะห์เนื้อหา ผลการวิจัยพบว่า 1. การมีส่วนร่วมของชุมชนในการป้องกันมหาอุทกภัยฯ ในภาพรวมอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า อยู่ในระดับมากทุกด้าน อันดับแรก คือ การค้นหาปัญหาและสาเหตุของปัญหา รองลงมาคือ ด้านการวางแผนดําเนินกิจกรรมด้านการติดตามและประเมินผลตามลําดับ และอันดับสุดท้ายคือ ด้านการลงทุน รวมกิจกรรมและการปฏิบัติ 2. การเปรียบเทียบการมีส่วนร่วมของชุมชนในการป้องกันมหาอุทกภัย ฯ พบว่า ประชาชนในครัวเรือนในชุมชนที่อาศัยในเทศบาล และตําบลต่างกัน มีส่วนร่วมของชุมชนในการป้องกันมหาอุทกภัย ฯ ไม่แตกต่างกัน และประชาชนในครัวเรือนในชุมชนที่มีสถานภาพและลักษณะพื้นที่ต่างกัน มีส่วนร่วมของชุมชนในการป้องกันมหาอุทกภัย ฯ แตกต่างกันอย่างมีนัยสําคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และ .001 ตามลําดับ 3. วิธีการบริหารจัดการป้องกันมหาอุทกภัยขององค์กรภาครัฐและเอกชนในเทศบาลนครนนทบุรีและเทศบาลนครปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี พบว่า กรอบวิธีการบริหารจัดการป้องกันมหาอุทกภัยฯ มี 5 กรอบ คือ 1) การเตรียมการป้องกันมหาอุทกภัย ได้แก่ การเตรียมความพรอมด้านการวางแผน การเตรียมวัสดุอุปกรณ์เครื่องมือ งบประมาณและบุคลากรเป็นประจําทุกปี การติดตาม สถานการณ์น้ำจากแหล่งข้อมูลข่าวสารที่มีความน่าเชื่อถือ การประชุมเพื่อหาแนวทางข้อสรุปร่วมกัน และชี้แจงแก่ฝ่ายต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง การวางแผนป้องกันที่ดี การสํารวจพื้นที่เพื่อศึกษาและค้นหา พื้นที่ที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดน้ำท่วม การประสานความร่วมมือและของรับการสนับสนุนจากทุกภาคส่วน และการสื่อสารขอความร่วมมือและสนับสนุนผ่านช่องทางการสื่อสารที่หลากหลายและมีประสิทธิภาพ 2) การจัดการขณะมหาอุทกภัยเข้าพื้นที่ ได้แก่ การบริหารแบบมีส่วนร่วมทุกภาคส่วน การวางระบบสาธารณูปโภคและโครงสร้างผังเมืองที่เป็นระบบเกื้อหนุนการป้องกันมหาอุทกภัย การมีผู้นําที่เข้มแข็ง การจัดตั้งศูนย์ประสานงานขอความช่วยเหลือและขอความรวมมือ การระดม การช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนและทั่วถึง การประสานความร่วมมือทั้งภาครัฐและเอกชน การสื่อสารที่มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล การมีส่วนร่วมและเสียสละของชุมชน การจัดการเครือข่าย การจัดตั้งศูนย์พักพิงหรือศูนย์อพยพและศูนย์อํานวยการ การประเมินสถานการณ์และตรวจสอบข้อมูลอย่างต่อเนื่อง 3) การบริหารจัดการมีส่วนร่วมของชุมชน ได้แก่ การบริหารจัดการการมีส่วนร่วม การใช้ช่องทางการสื่อสารเผยแพร่ข้อมูลเชิญชวนการมีส่วนร่วม การใช้แรงจูงใจเชิงบวก การตื่นตัวต่อเหตุการณ์หรือสถานการณ์ที่เกิดขึ้นของประชาชน การบริหารจัดการชุมชนโดยการสร้างการมีส่วนร่วมผ่านกระบวนการสื่อสารรูปแบบการจัดกิจกรรม การใช้ผู้นําชุมชนระดับท้องถิ่น และการบริหาร การมีส่วนร่วมผ่านเครือข่าย 3) การฟื้นฟูเยียวยาผู้ประสบภัยหลังเกิดมหาอุทกภัย ได้แก่ การเร่ง ระบายน้ำออกจากพื้นที่ให้เร็วที่สุด การชี้แจงข้อเท็จจริงและทําความเข้าใจกับชุมชน การกําจัดขยะ สิ่งปฏิกูลและการทําความสะอาด การสํารวจพื้นที่ในชุมชนที่มีน้ำท่วมขังเพื่อเร่งติดตามเงินช่วยเหลือ เยียวยา การสํารวจพื้นที่และเร่งชี้แจงเรื่องงบประมาณช่วยเหลือเยียวยาเพิ่มเติม การจัดสรรงบประมาณลงพื้นที่ การสร้างขวัญกําลังใจแก่ผู้ประสบมหาอุทกภัย การสนับสนุนจากองค์กรภายนอกพื้นที่ด้านงบประมาณและด้านอื่นๆ การจัดสรรงบประมาณท้องถิ่น และการอํานวยความสะดวกต่าง ๆ และ 5) แนวทางในการบริหารจัดการป้องกันมหาอุทกภัยในอนาคต ได้แก่ การสํารวจ พื้นที่น้ำท่วมเพื่อหาสาเหตุของการไม่สามารถป้องกันมหาอุทกภัยที่ผ่านมาได้ การจัดขุดลอกคูคลอง การจัดการซ่องแซมประตูระบายน้ำและจัดทําประตูระบายน้ำถาวร การติดตั้งเครื่องสูบน้ำ เครื่องผลักดันน้ำและจัดทําสถานีสูบน้ำ การจัดทําแนวคันกั้นน้ำหรือเสริมถนน การจัดทําเขื่อนกั้นน้ำ ชั่วคราว การจัดทําเขื่อนกั้นน้ำถาวร การประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อต่างๆ เพื่อแจ้งข่าวสารและแจ้งเตือนเฝ้าระวัง การประสานงานในระดับท้องถิ่น การจัดทําหรือขยายท่อระบายน้ำ การบริหาร การมีส่วนร่วมกับชุมชนอย่างสม่ำเสมอ และข้อเสนอแนะแนวทางในการบริหารจัดการป้องกันมหาอุทกภัยในอนาคต เช่น การสนับสนุนและเอาใจใส่อย่างจริงจังต่อเนื่องของรัฐบาลต่อสถานการณ์อุทกภัยในอนาคต เป็นต้น
Description
Citation
View online resources
Collections