การส่งเสริมประเทศไทยให้กลายเป็นจุดหมายปลายทางคุณภาพด้านการท่องเที่ยวเชิงกีฬาผจญภัยสําหรับกลุ่มนักท่องเที่ยวศักยภาพสูงเพื่อสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันอย่างยั่งยืน

Date
ISBN
Journal Title
Journal ISSN
Volume Title
Resource Type
Publisher
มหาวิทยาลัยสวนดุสิต
Usage analytics
Journal Title
การส่งเสริมประเทศไทยให้กลายเป็นจุดหมายปลายทางคุณภาพด้านการท่องเที่ยวเชิงกีฬาผจญภัยสําหรับกลุ่มนักท่องเที่ยวศักยภาพสูงเพื่อสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันอย่างยั่งยืน
Recommended by
Abstract
งานวิจัยเรื่องแนวทางการพัฒนาประเทศไทยให้กลายเป็นจุดหมายปลายคุณภาพทางด้านการท่องเที่ยวเชิงกีฬาและผจญภัยหรับนักท่องเที่ยวศักยภาพสูงเพื่อสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันอย่างยั่งยืน มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาบริบทของประเทศไทยในการเป็นจุดหมายปลายทางคุณภาพด้านการท่องเที่ยวเชิงกีฬาผจญภัยสําหรับนักท่องเที่ยวศักยภาพสูง 2) ศึกษาพฤติกรรมการท่องเที่ยวด้านการท่องเที่ยวเชิงกีฬาผจญภัยของนักท่องเที่ยวศักยภาพสูง 3) ประเมินศักยภาพของผู้ประกอบการไทยในการส่งเสริมประเทศไทยให้กลายเป็นจุดหมายปลายคุณภาพทางด้านการท่องเที่ยวเชิงกีฬาผจญภัยสำหรับนักท่องเที่ยวศักยภาพสูง และ 4) เสนอแนะแนวทางการส่งเสริมประเทศไทยให้กลายเป็นจุดหมายปลายคุณภาพทางด้านการท่องเที่ยวเชิงกีฬาผจญภัยสําหรับนักท่องเที่ยวศักยภาพสูงเพื่อสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันอย่างยั่งยืน การศึกษาครั้งนี้ใช้ วิธีวิจัยแบบผสมวิธีวิจัยเชิงคุณภาพได้ใช้วิธีการสัมภาษณเชิงลึก จากหน่วยงานภาครัฐและภาคธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวเชิงกีฬาผจญภัย จํานวน 40 คน และประชุมกลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวเชิงกีฬาผจญภัย จํานวน 40 คน ในส่วนข้อวิธีวิจัยเชิงปริมาณนั้น ใช้การแจกแบบสอบถามแก่นักท่องเที่ยวต่างชาติศักยภาพสูง จํานวน 425 ชุด โดยเก็บข้อมูลในพื้นที่ Active Beach Cluster บริบทในภาพรวมของพื้นที่ Active Beach Cluster นั้น มีศักยภาพเชิงพื้นที่ในการจัดกิจกรรมการท่องเที่ยวกีฬาผจญภัย เพราะพื้นที่ประกอบไปทั้งภูเขา ทางราบ และทะเลเหมาะสมยิ่งนักต่อการจัดกิจกรรมกีฬาผจญภัยทั้ง 3 ประเภท ทางบก ประกอบไปด้วย ATV, mountain bike, trail bike, horseback riding, racing, BB Gun, gun shooting ทางน้ำ ประกอบไปด้วย surfing, canoe, kayak, water ski, wakeboard, windsurf, scuba diving, skin diving, free diving, sailing, seawalker, jet ski ทางอากาศ ประกอบไปด้วย skydive, bungee jumping, hang gliding, zipline, kitesurf เมื่อพิจารณาถึงบริบทในเชิงธุรกิจ พบว่า การแข่งขันทางธุรกิจในด้านการตลาดมีสภาพการแข่งขันในระดับที่สูงมาก เพราะโดยส่วนใหญ่พื้นที่ศึกษามีนักท่องเที่ยวประเภททัวร์เหมาจ่ายเป็นจํานวนมาก ดังนั้นสินค้าทางการท่องเที่ยวด้านกีฬาผจญภัยจึงต้องอาศัยการขายผ่านตัวแทนจําหนาย ทั้งแบบ offline และ online ดังนั้น จึงเกิดสงครามด้านราคาและค่าคอมมิชชั่น ในกลุ่มผู้ประกอบการกันเอง ขาดราคามาตรฐาน จึงสร้างความเดือดร้อนให้แก่ผู้ประกอบการเป็นอย่างยิ่ง จึงเรียนได้ว่าเป็นสถานการณ์ที่ตึงตัวพอสมควร การท่องเที่ยวเชิงกีฬาผจญภัยนั้น ประเด็นเรื่องความปลอดภัยเป็นข้อควรคํานึงที่สําคัญที่สุด ดังนั้น ทั้งภาครัฐเอง และตัวผู้ประกอบการเองนั้นให้ความสําคัญกับเรื่องนี้ในระดับสูงเพราะการท่องเที่ยวเชิงกีฬาผจญภัยเป็นการท่องเที่ยวที่มีความเสี่ยงในเรื่องความปลอดภัยในระดับสูงสุดเมื่อเทียบกับการท่องเที่ยวชนิดอื่น เมื่อเกิดข้อผิดพลาดขึ้นมา ภาพลักษณ์ด้านการท่องเที่ยวของประเทศ จะออกมาในเชิงลบทันที และการแก้ไข เยียวยา จะกระทําได้ยากกว่าการป้องกันซึ่งทางประเทศไทย ยังมีจุดอ่อนเรื่องมาตรฐานความปลอดภัยของกิจกรรมการท่องเที่ยวเชิงกีฬาผจญภัยอยู่จากการวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้แบบสอบถามนักท่องเที่ยวต่างชาติศักยภาพสูงของประเทศไทย จํานวน 425 คน พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่เป็นเพศชาย มีช่วงอายุอยู่ระหว่าง 31 - 40 ปี รายได้เฉลี่ยต่อเดือนต่ำกว่า 10,000 $ และใช้จ่ายต่อวันระหว่างอยู่ประเทศไทยที่ 751 - 1,000 $ ข้อมูลที่เกี่ยวกับด้านด้านกีฬาผจญภัยทางบก โดยรวมมีจํานวนผู้เลือกตอบแบบสอบถามในกิจกรรมต่าง ๆ จํานวน 2,263 รายการ แบ่งออกเป็น 3 ส่วนประกอบด้วย ความรู้ด้านกีฬาผจญภัย จํานวน 1,207 คน คิดเป็นร้อยละ 53.34 รองลงมาคือ ประสบการณ์ด้านกีฬาผจญภัย จํานวน 657 คน คิดเป็นร้อยละ 29.03 และสุดท้ายนักท่องเที่ยวเลือกกิจกรรมกีฬาผจญภัย จํานวน 399 คน คิดเป็นร้อยละ 17.63 ตามลําดับ ข้อมูลที่เกี่ยวกับด้านด้านกีฬาผจญภัยทางน้ำ โดยรวมมีจํานวน ผู้เลือกตอบแบบสอบถามในกิจกรรมต่าง ๆ จํานวน 3,073 รายการ แบ่งออกเป็น 3 ส่วนประกอบด้วย ความรู้ด้านกีฬาผจญภัย จํานวน 1,601 คน คิดเป็นร้อยละ 52.10 รองลงมาคือ ประสบการณ์ด้านกีฬาผจญภัย จํานวน 778 คน คิดเป็นร้อยละ 25.32 และสุดท้ายนักท่องเที่ยวเลือกกิจกรรมกีฬา ผจญภัย จํานวน 694 คน คิดเป็นร้อยละ 22.58 ตามลําดับ ข้อมูลที่เกี่ยวกับด้านด้านกีฬาผจญภัยทางอากาศ โดยรวมมีจํานวนผู้เลือกตอบแบบสอบถามในกิจกรรมต่าง ๆ จํานวน 1,649 รายการ แบ่งออกเป็น 3 ส่วนประกอบด้วย ความรู้ด้านกีฬาผจญภัย จํานวน 951 คน คิดเป็นร้อยละ 57.99 รองลงมาคือ นักท่องเที่ยวเลือกกิจกรรมกีฬาผจญภัย จํานวน 394 คน คิดเป็นร้อยละ 24.02 และสุดทายคือ ประสบการณ์ด้านกีฬาผจญภัย จํานวน 295 คน คิดเป็นร้อยละ 17.99 ตามลําดับ ข้อมูลที่เกี่ยวกับด้านด้านกีฬาผจญภัยแบบผสมผสาน โดยรวมมีจํานวนผู้เลือกตอบแบบสอบถามในกิจกรรมต่าง ๆ จํานวน 901 รายการ แบ่งออกเป็น 3 ส่วนประกอบด้วย ความรู้ด้านกีฬาผจญภัย จํานวน 476 คน คิดเป็นร้อยละ 52.83 รองลงมาคือ นักท่องเที่ยวเลือกกิจกรรมกีฬาผจญภัย จํานวน 229 คน คิดเป็นร้อยละ 25.42 และสุดท้ายคือ ประสบการณ์ด้านกีฬาผจญภัย จํานวน 196 คน คิดเป็นร้อยละ 21.75 ตามลําดับ การวิเคราะห์รับรู้ด้านกิจกรรมกีฬาผจญภัยในพื้นที่นักท่องเที่ยวต่างชาติไม่เคยรับรู้ จํานวน 139 คน คิดเป็นร้อยละ 32.71 และเคยรับรู้ จํานวน 286 คน คิดเป็นร้อยละ 67.29 การวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับวัตถุประสงค์หลักในการเดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทย พบว่า ส่วนใหญ่มีวัตถุประสงค์เพื่อพักผอน จํานวน 303 คน คิดเป็นร้อยละ 71.29 ข้อมูลเกี่ยวกับการจัดการการท่องเที่ยวประเทศไทยในครั้งนี้ นักท่องเที่ยวสวนใหญ่ การจัดการการท่องเที่ยวด้วยตนเอง จํานวน 272 คน คิดเป็นร้อยละ 64.00 ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลที่รวมเดินทางมา ด้วยในครั้งนี้ ส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวเดินทางมากับครอบครัว จํานวน 163 คน คิดเป็นร้อยละ 38.35 ข้อมูลเกี่ยวกับจํานวนวันที่อยู่ในประเทศไทย โดยนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ อยู่น้อยกว่า 10 วัน จํานวน 188 คน คิดเป็นร้อยละ 44.24 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับทัศนคติเกี่ยวกับการท่องเที่ยวเชิงกีฬาผจญภัยในประเทศไทย ของการท่องเที่ยวเชิงกีฬาผจญภัยสําหรับกลุ่มนักท่องเที่ยวศักยภาพสูงเพื่อสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันอย่างยั่งยืน ข้อมูลเกี่ยวกับด้านทัศนคติที่มีต่อการท่องเที่ยวเชิงกีฬาผจญภัยในประเทศไทย โดยรวมอยู่ที่ระดับเห็นด้วย (X = 4.04, S.D. = .576) ข้อมูลเกี่ยวกับความพึงพอใจโดยรวมที่มีต่อประเทศไทย โดยรวมอยู่ที่ความพึงพอใจระดับมากที่สุด (X = 4.00, S.D. = .850) ข้อมูลเกี่ยวกับความตั้งใจที่จะมาเที่ยวประเทศไทยอีกครั้ง โดยรวมอยู่ที่ระดับเห็นด้วย (X= 4.19, S.D. = .660) ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลที่มีความประสงค์จะทํากิจกรรมกีฬาผจญภัยรวมกัน พบว่า ส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวต้องการทํากิจกรรมผจญภัยรวมกับเพื่อน จํานวน 144 คน คิดเป็นร้อยละ 33.88 ข้อมูลเกี่ยวกับลักษณะการท่องเที่ยวเชิงกีฬาผจญภัยผสมผสานกับการท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ต้องการผสมผสานกับชายหาด และทะเล จํานวน 345 คน คิดเป็นร้อยละ 81.18 ข้อมูลเกี่ยวกับจังหวัดที่นักท่องเที่ยวมีความประสงค์จะไปจังหวัดชลบุรี จํานวน 241 คน คิดเป็นร้อยละ 241 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลสถิติเชิงอ้างอิง เพื่อทดสอบสมมติฐานการวิจัย โดยใช้วิธีการวิเคราะห์ ถดถอยพหุคูณ (Multiple Regression Analysis) โดยใช้วิธีการคัดเลือกตัวแปรอิสระแบบ Enter ตามสมมติฐานการวิจัยที่ 1 ประกอบด้วย 1) ทัศนคติเกี่ยวกับการท่องเที่ยวเชิงกีฬาผจญภัยในประเทศไทย 2) ความพึงพอใจโดยรวมที่มีต่อประเทศไทย และ 3) ความตั้งใจที่จะมาเที่ยวประเทศไทยอีกครั้ง ของการท่องเที่ยวเชิงกีฬาผจญภัยสําหรับกลุ่มนักท่องเที่ยวศักยภาพสูงเพื่อสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันอย่างยั่งยืน พบว่า ความพึงพอใจโดยรวมที่มีต่อประเทศไทย (X1) สงผลต่อปัจจัยด้านทัศนคติเกี่ยวกับการท่องเที่ยวเชิงกีฬาผจญภัยในประเทศไทย (Y1) (β = .566**) อย่างมีนัยสําคัญทางสถิติที่ .01 โดยมีค่าสัมประสิทธิ์การตัดสินใจที่แสดงถึงอิทธิพล เท่ากับร้อยละ 32.00 (R2 = .320) และมีค่าความคลาดเคลื่อนในการประมาณระหว่างตัวแปรอิสระ และตัวแปรตาม เท่ากับ .47558 แสดงว่ามีตัวแปรอื่น ๆ ที่ส่งผลต่อทัศนคติเกี่ยวกับการท่องเที่ยวเชิงกีฬาผจญภัยในประเทศไทย เท่ากับร้อยละ 56.45 สมมติฐานการวิจัยที่ 2 ปัจจัยด้านความพึงพอใจโดยรวมที่มีต่อประเทศไทย ส่งผลหรือมีอิทธิพลต่อปัจจัยด้านความตั้งใจที่จะมาเที่ยวประเทศไทยอีกครั้ง ของการท่องเที่ยวเชิงกีฬาผจญภัยสําหรับกลุ่มนักท่องเที่ยวศักยภาพสูง พบว่า ความพึงพอใจโดยรวมที่มีต่อประเทศไทย (X2) ส่งผลต่อปัจจัยด้านความตั้งใจที่จะมาเที่ยวประเทศไทยอีกครั้ง (Y2) (β = .431**) อย่างมีนัยสําคัญทางสถิติที่ .01 โดยมีค่าสัมประสิทธิ์การตัดสินใจที่แสดงถึงอิทธิพล เท่ากับร้อยละ 18.60 (R2 = .186) และมีค่าความคลาดเคลื่อนในการประมาณระหวางตัวแปรอิสระ และตัวแปรตาม เท่ากับ .59653 แสดงว่ามีตัวแปรอื่น ๆ ที่ส่งผลต่อความตั้งใจที่จะมาเที่ยวประเทศไทยอีกครั้ง เท่ากับร้อยละ 41.35