การพัฒนาความสามารถทางการอ่านภาษาอังกฤษในการเรียนวิชาการอ่านภาษาอังกฤษทั่วไป โดยใช้วิธีสอนแบบบูรณาการของเมอร์ด็อค (MIA) ของนักศึกษาชั้นปีที่ 1

Default Image
Date
ISBN
Journal Title
Journal ISSN
Volume Title
Resource Type
Publisher
Views
Views4
Usage analytics
Journal Title
การพัฒนาความสามารถทางการอ่านภาษาอังกฤษในการเรียนวิชาการอ่านภาษาอังกฤษทั่วไป โดยใช้วิธีสอนแบบบูรณาการของเมอร์ด็อค (MIA) ของนักศึกษาชั้นปีที่ 1
Recommended by
Abstract
การวิจัยในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1. เพื่อศึกษาการพัฒนาความสามารถทางการอ่าน ภาษาอังกฤษในรายวิชาการอ่านภาษาอังกฤษทั่วไปของนักศึกษาชั้นปีที่ 1 มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต โดยใช้หลักการบูรณาการของเมอรด็อค (MIA) 2. เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรายวิชาการอ่านภาษาอังกฤษทั่วไปของนักศึกษาชั้นปีที่ 1 มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต ที่ได้รับการสอนอ่านโดยใช้หลักการบูรณาการของเมอรด็อค (MIA) และวิธีสอนอ่านแบบปกติ 3. เพื่อเปรียบเทียบเจตคติต่อการเรียนการสอนวิชาการอ่านภาษาอังกฤษทั่วไปของนักศึกษาชั้นปีที่ 1 ที่ได้รับการสอนอ่านโดยใช้หลักการบูรณาการของเมอรด็อค (MIA) และวิธีสอนอ่านแบบปกติ กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการทดลองครั้งนี้ ได้แก่ นักศึกษาชั้นปีที่ 1 หลักสูตรภาษาอังกฤษ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิตที่เรียนภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2557 โดยศึกษาจากกลุ่มตัวอย่าง 2 ห้องเรียน จํานวน 61 คน ซึ่งเลือกโดยวิธีเจาะจง (Purposive Selection) กลุ่มทดลอง 1 ได้แก่ ตอนเรียน A1 ห้องเรียน จํานวน 31 คน โดยกลุ่มทดลองดําเนินการสอน โดยใช้หลักการบูรณการของเมอรด็อค (MIA) กลุ่มควบคุม 1 ห้องเรียน ได้แก่ ตอนเรียน B1 จํานวน 30 คน โดยกลุ่มควบคุม ดําเนินการสอนแบบปกติ เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ประกอบด้วย 1) แบบทดสอบก่อนเรียน (Pre Test) และการทดสอบหลังเรียน (Post Test) เพื่อเปรียบเทียบการพัฒนาความสามารถทางการอ่านภาษาอังกฤษของนักศึกษาชั้นปีที่ 1 หลักสูตรภาษาอังกฤษ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล คื อ t-test dependent ในการทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียนกับกลุ่มทดลอง และ t-test independent ในการเปรียบเทียบกลุ่มทดลองกับกลุ่มควบคุม 2) แบบทดสอบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนแบบปรนัยชนิดเลือกตอบ 4 ตัวเลือกจํานวนอย่างละ 60 ข้อ 3) แบบสอบถามเพื่อวัดเจตคติในการเรียนวิชาการอ่านภาษาอังกฤษทั่วไป สถิติที่ใช้วิเคราห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าสถิติพื้นฐาน ค่าเฉลี่ยเลขคณิต, ค่าความเบี่ยงเบนมาตรฐาน ด้วยเครื่องมือคอมพิวเตอร์ โดยใช้โปรแกรมสําเร็จรูปในการวิเคราะห์ข้อมูล, t-test dependent และ t-test independent ผลปรากฏว่า 1. ผลการวิเคราะห์คะแนนหลังเรียนรายวิชาการอ่านภาษาอังกฤษทั่วไปของนักศึกษาตอนเรียน A1 (กลุ่มทดลอง) ใช้วิธีการสอนโดยใช้การสอนหลักการบูรณาการของเมอรด็อค (Murdoch Integrated Approach: MIA) สูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสําคัญทางสถิติที่ระดับ .05 2. ผลการวิเคราะห์คะแนนหลังเรียนรายวิชาการอ่านภาษาอังกฤษทั่วไปของนักศึกษา ตอนเรียน B1 (กลุ่มควบคุม) ใช้วิธีการสอนแบบปกติ ต่ำกว่าก่อนเรียน ไม่มีความแตกต่างอย่างนัยสําคัญทางสถิติ 3. ผลการวิเคราะห์เปรียบเทียบคะแนนหลังเรียนรายวิชาการอ่านภาษาอังกฤษทั่วไปของนักศึกษาตอนเรียน A1 (กลุ่มทดลอง) ใช้วิธีการสอนโดยใช้การสอนหลักการบูรณการของเมอรด็อค (MIA) สูงกว่าตอนเรียน B1 (กลุ่มควบคุม) ที่ใช้วิธีการสอนแบบปกติอย่างมีนัยสําคัญทางสถิติที่ระดับ .05 4. ผลการวิเคราะห์เปรียบเทียบคะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรายวิชาการอ่านภาษาอังกฤษทั่วไปของนักศึกษาตอนเรียน A1 (กลุ่มทดลอง) ใช้วิธีการสอนโดยใช้การสอนหลักการบูรณการของเมอร ด็อค (MIA) สูงกว่าตอนเรียน B1 (กลุ่มควบคุม) ที่ใช้วิธีการสอนแบบปกติอย่างมีนัยสําคัญทางสถิติที่ระดับ .05 5. ผลการวิเคราะห์เปรียบเทียบเจตคติในการเรียนวิชาการอ่านภาษาอังกฤษทั่วไป (English Reading for General Purposes) โดยรวมตอนเรียน A1 (กลุ่มทดลอง) ใช้วิธีการสอนโดยใช้การสอนหลักการบูรณการของเมอรด็อค (MIA) อยู่ในระดับมาก ค่าเฉลี่ยเท่ากับ 3.82 ซึ่งสูงกว่าตอนเรียน B1 (กลุ่มควบคุม) ที่ใช้วิธีการสอนแบบปกติ อยู่ในระดับมาก ค่าเฉลี่ยเท่ากับ 3.73 โดยกลุ่มทดลองมีค่าเฉลี่ย เจตคติที่ดีกับการเรียนวิชาการ อ่านภาษาอังกฤษทั่วไป มากกว่ากลุ่มควบคุม คิดเป็นร้อยละ 2.41 คําสําคัญ: ความสามารถทางการอ่าน, วิธีสอนแบบบูรณาการของเมอร์ดอกช์, ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน, เจตคติในการเรียนวิชาการอ่านภาษาอังกฤษทั่วไป
Description
Citation
View online resources
Collections