การผลิตสารดูดซับชีวภาพแทนนินจากวัสดุเหลือทิ้งทางการเกษตรเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน

Default Image
Date
ISBN
Journal Title
Journal ISSN
Volume Title
Resource Type
Publisher
มหาวิทยาลัยสวนดุสิต
Views
Views1
Usage analytics
Journal Title
การผลิตสารดูดซับชีวภาพแทนนินจากวัสดุเหลือทิ้งทางการเกษตรเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน
Recommended by
Abstract
งานวิจัยนี้ได้ศึกษาการผลิตสารดูดซับแทนนินจากพืช 2 ชนิด ได้แก่ ใบมันสําปะหลังและเปลือกกล้วยดิบ โดยทําการสกัดด้วยเทคนิคการสกัดด้วยตัวทําละลาย ศึกษาผลของชนิดของพืช และชนิดของตัวทําลายที่มีผลต่อประสิทธิภาพการสกัด ใช้เวลาในการสกัด 4 ชั่วโมง และสัดส่วนพืชต่อตัวทําละลาย 1 กรัม ต่อตัวทําละลาย 40 มิลลิลิตร เขย่าสารที่ความเร็วรอบ 100 รอบต่อนาที ทําการวิเคราะห์สมบัติของสารสกัดแทนนินด้วยเทคนิค UV-Vis จากนั้นศึกษาปริมาณของสารแทนนินที่เหมาะสมในการผลิตสารประกอบไฮบริดของสารสกัดแทนนินกับพอลิเมอร์รูปแบบโฟมแข็ง เพื่อใช้เป็นสารดูดซับ ทําการวิเคราะห์สมบัติของสารประกอบไฮบริดของสารสกัดแทนนินกับพอลิเมอร์ รูปแบบโฟมแข็ง ด้วยเทคนิค FTIR, SEM และ BET และศึกษาปริมาณสารดูดซับ และเวลาในการดูดซับที่มีผลต่อการดูดซับตะกั่วในน้ำด้วยเทคนิค AAS พบว่า พืชที่ให้สารสกัดแทนนินใกล้เคียงกับแทนนินมาตรฐาน คือ ใบมันสําปะหลัง และใช้น้ำเป็นตัวทําละลาย เนื่องจากแทนนินละลายในน้ำ ได้ดี ในการเตรียมสารไฮบริดของสารสกัดแทนนินกับพอลิเมอร์ในรูปแบบโฟมแข็ง ปริมาณสารสกัด แทนนิน 5 กรัมจะให้โฟมที่คงรูปร่าง และได้ปริมาณผลิตภัณฑ์มากที่สุด สารไฮบริดที่สังเคราะห์ได้ มีลักษณะอนุภาคเป็นทรงกลมรวมตัวกันเป็นก้อน มีขนาดอนุภาคประมาณ 1-2 ไมครอนและ กระจายตัวอย่างสม่ำเสมอ มีค่าพื้นที่ผิว 6.48 ตารางเมตรต่อกรัม มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางรูพรุน 0.0070 ไมโครเมตร และมีปริมาตรรูพรุน 0.017 ลูกบาศเซ็นติเมตรต่อกรัม ในการดูดซับตะกั่วน้ำเสีย ปริมาณสารประกอบไฮบริดของแทนนินโฟมแข็ง 0.5 กรัม ให้การค่าการดูดซับตะกั่วสูงที่สุดที่ร้อยละ 68.50 เมื่อปริมาณแทนนินโฟมแข็งเพิ่มขึ้นค่าร้อยละการดูดซับมีแนวโน้มลดลง เวลาในการดูดซับที่ให้ค่าการดูดซับสูงที่สุด คือ 4 ชั่วโมง และเมื่อเวลาการดูดซับเพิ่มขึ้น ค่าร้อยละการดูดซับมีแนวโน้มลดลง
Description
Citation
View online resources
Collections