การพัฒนารูปแบบการดูแลสุขภาพของผู้สูงอายุในเขตปริมณฑล

dc.contributor.authorชฎามาศ ขาวสะอาด
dc.contributor.authorทิพย์วิมล กิตติวราพล
dc.contributor.authorนุจิรา รัศมีไพบูลย์
dc.contributor.authorชวาลศักดิ์ เพชรจันทร์ฉาย
dc.date.accessioned2025-07-03T04:00:04Z
dc.date.accessioned2025-09-03T03:46:54Z
dc.date.available2025-07-03T04:00:04Z
dc.date.available2025-09-03T03:46:54Z
dc.description.abstractการวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ (1) เพื่อศึกษาสภาพการดูแลตนเองของผู้สูงอายุในเขตปริมณฑล (2) เพื่อพัฒนารูปแบบการดูแลสุขภาพของผู้สูงอายุในเขตปริมณฑลมีขั้นตอนการวิจัย 4 ขั้นตอนดังนี้ ขั้นตอนที่ 1 ศึกษาข้อมูลพื้นฐานและสภาพทั่วไปของผู้สูงอายุ โดยสัมภาษณ์เชิงลึกกับกลุ่มตัวอย่างที่สุ่มแบบเจาะจง (Purposive sampling) คือ ผู้สูงอายุชุมชนวัดสุวรรณกับชุมชนคลองโยง 1 จำนวน 30 คน ผลการศึกษา พบว่า ผู้สูงอายุมีสภาพร่างกายอ่อนแอช่วยเหลือตัวเองได้น้อย จากปัญหาสภาพร่างกายที่ไม่แข็งแรง มีปัญหาทางครอบครัว รายได้ ต้องการผ่อนคลายความเครียดจึงนำไปสู่กิจกรรมที่จัดให้ผู้สูงอายุ คือ การออกกำลังกายบนเก้าอี้มีพนักพิง การพัฒนากล้ามเนื้อมือด้วยศิลปะ เครื่องดื่มเสริมสุขภาพ และเกมต่อจิกซอว์กับการกระตุ้นสมอง รวม 4 กิจกรรม ขั้นตอนที่ 2 การสร้างและพัฒนารูปแบบการดูแลสุขภาพได้สร้างรูปแบบการดูแลสุขภาพ ซึ่งประกอบด้วย (1) สภาพปัญหาและความจำเป็น (2) วัตถุประสงค์ (3) ชุดกิจกรรมเพื่อรูปแบบการดูแลสุขภาพ 4 กิจกรรม (4) สื่อและอุปกรณ์ที่ใช้ (5) การวัดและประเมินผลกิจกรรม นำร่างรูปแบบการดูแลสุขภาพให้ผู้เชี่ยวชาญ 5 ท่านประเมินความสอดคล้องตามจุดประสงค์ เนื้อหาของรูปแบบการดูแลสุขภาพพบว่า โครงร่างรูปแบบการดูแลสุขภาพมีค่าดัชนีความสอดคล้อง เท่ากับ 1 ทุกองค์ประกอบ และได้ปรับปรุงแก้ไขเพื่อพัฒนาร่างรูปแบบการดูแลสุขภาพก่อนนำไปทดลองใช้ ขั้นตอนที่ 3 การทดลองใช้รูปแบบการดูแลสุขภาพของผู้สูงอายุ ดำเนินการสุ่มกลุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง ทำการทดลองเป็นระยะเวลา 8 สัปดาห์ ระหว่างวันที่ 1 พฤษภาคม - 30 ธันวาคม 2560 ใช้รูปแบบการวิจัยเชิงทดลองแบบกลุ่มเดียวทดสอบก่อนและหลังการทดลอง (one group pretest-posttest design) วิเคราะห์ข้อมูลใช้ค่าเฉลี่ยส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ร้อยละ และสถิติทดสอบค่า t-test ขั้นตอนที่ 4 ประเมินผลโครงร่างรูปแบบการดูแลสุขภาพของผู้สูงอายุ พบว่า ผลการเปรียบเทียบความสามารถในการดำเนินชีวิตประจำวัน มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ทุกรายด้าน ผู้สูงอายุมีความสามารถในการดำเนินชีวิตดีขึ้นทุกรายด้าน ยกเว้นการขึ้นบันไดที่ไม่มีความแตกต่าง ส่วนใหญ่ไม่สามารถขึ้นลงบันไดได้ การจัดกลุ่มภายหลังการทดลอง พบว่ามีคะแนนสูงขึ้นมี 12 คะแนนขึ้นไป ส่วนใหญ่มีศักยภาพที่ไม่ต้องการการพึ่งพา ค่าดัชนีมวลกาย พบว่า มีน้ำหนักไม่แตกต่างกันทั้ง 4 สัปดาห์ ผู้สูงอายุเกือบครึ่งกลุ่มทดลองมีน้ำหนักเกินที่อ้วนและอ้วนมาก ส่วนผลของความดันโลหิตตามเกณฑ์พบว่า มีค่าความดันโลหิตที่แตกต่างกันมีการเปลี่ยนแปลงของค่าความดันโลหิตในทางที่ดีขึ้น ผลการศึกษาพฤติกรรมการดูแลตนเองด้านร่างกาย ความฟิต การออกกำลังกาย โภชนาการ และการป้องกันการผิดปกติของร่างกาย พบว่า ทั้งก่อนและหลังการทดลองไม่แตกต่างกัน เพราะพฤติกรรมบางอย่างผู้สูงอายุไม่สามารถกระทำได้ด้วยตนเองในทุกด้านต้องอาศัยบุคคลอื่น ทั้งรายได้จากลูกหลานหรือจากสวัสดิการของรัฐ ไม่มีเงินใช้อย่างอิสระ ทำให้ไม่สามารถปฏิบัติตนการดูแลตนเองได้อย่างสม่ำเสมอ ส่วนผลการศึกษาพฤติกรรมการดูแลตนเองด้านความสัมพันธ์กับผู้อื่นกับครอบครัวกับเพื่อนฝูงและทัศนคติต่อสังคม พบว่า ทั้งก่อนและหลังการทดลองไม่แตกต่างกันจากการที่ไม่มีรายได้เป็นของตนเองทำให้สร้างความสัมพันธ์ในด้านต่าง ๆ ได้ค่อนข้างน้อย
dc.identifier.urihttps://repository.dusit.ac.th/handle/123456789/12455
dc.publisherมหาวิทยาลัยสวนดุสิต
dc.subjectผู้สูงอายุ -- การดูแลสุขภาพ
dc.subjectการดูแลสุขภาพผู้สูงอายุ
dc.titleการพัฒนารูปแบบการดูแลสุขภาพของผู้สูงอายุในเขตปริมณฑล
mods.location.urlhttps://ebooks.dusit.ac.th/detail.php?recid=2588
Files
Collections