ความเข้มแข็งขององค์กรชุมชน : กรณีศึกษาความสามารถในการดําเนินงานขององค์กรชุมชนในจังหวัดสุพรรณบุรี
Journal Title
ความเข้มแข็งขององค์กรชุมชน : กรณีศึกษาความสามารถในการดําเนินงานขององค์กรชุมชนในจังหวัดสุพรรณบุรี
Authors
Recommended by
Abstract
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาการดําเนินงานศึกษาเปรียบเทียบการดําเนินงาน และศึกษาตัวชี้วัดดานศักยภาพและระดับความสามารถในการดําเนินงานขององค์กรชุมชนที่มีรูปแบบวิสาหกิจหรือธุรกิจชุมชน และรูปแบบสังคมเชิงวัฒนธรรมในจังหวัดสุพรรณบุรี โดยมีประชากรและกลุ่มตัวอย่างเป็นสมาชิกและผู้นําองค์กร ชุมชนหรือองค์กรภาคประชาชนจํานวน 100 คน โดยแบงเป็นองค์กรละ 25 คน จาก 4 องค์กร ได้แก่ องค์กรชุมชน ผู้ทรงคุณวุฒิหมู 3 (ปราชญ์ชาวบ้าน; มูลนิธิข้าวขวัญ) ตําบลสระแก้ว อําเภอเมือง สหกรณ์การเกษตรปฏิรูปที่ดินสองพี่น้องจํากัด ม.8 ตําบลบอสุพรรณ อําเภอสองพี่นอง กลุ่ม อสม. (อาสาสมัครสาธารณสุขประจําหมูบ้าน) หมู่ 7 ตําบลทุงคลี อําเภอเดิมบางนางบวช และสหกรณ์ผู้ใช้น้ำบ้านดอนจํากัดหมู่ 1 ตําบลบ้านดอน อําเภออู่ทอง โดยใช้วิธีการศึกษาทั้งในเชิงคุณภาพและเชิงปริมาณ เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาได้แก่ แบบสอบถามเพื่อการสัมภาษณ์ สมาชิกองค์กรชุมชน แบบสัมภาษณผู้นําชุมชน และแบบสังเกตแบบมีส่วนร่วมทั้งกึ่งเค้าโครง (Semi structure) และไม่มีเค้าโครง ทั้งนี้ สถิติที่ใช้ในงานวิจัยได้แก่ ค่าความถี่ ค่าร้อยละ โดยได้ใช้ค่าเฉลี่ย (Mean) และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) มาวิเคราะห์ข้อมูลช่วงชั้น (Interval Scale) เพื่อจัดลําดับตัวชี้วัดความเขมแข็งหรือความสามารถในการดําเนินงานขององค์กรชุมชนหรือองค์กรภาคประชาชน ผลการวิจัยพบว่า การดําเนินงานขององค์กรชุมชนหรือองค์กรภาคประชาชน ทั้งลักษณะวิสาหกิจและลักษณะสังคมเชิงวัฒนธรรม มีระดับของประสิทธิภาพและประสิทธิผลของการดําเนินงานในระดับค่อนข้างมาก จากการเปรียบเทียบการดําเนินงานพบว่า แม้จะมีความแตกต่างกันในด้านกิจกรรมและการเคลื่อนไหวตามจุดประสงค์ของแต่ละองค์กร แต่องค์กรชุมชนหรือองค์กรภาคประชาชนทั้ง 4 องค์กร ได้นําลักษณะสังคมเชิงวัฒนธรรมมาใช้ในกระบวนการดําเนินงาน กล่าวคือ นําทุนทางสังคมมาเป็นกลไกในการดําเนินงาน เช่น ค่านิยม ความร่วมมือภายในองค์กร การร่วมแรงร่วมใจ ความเอื้ออาทรซึ่งกันและกัน เป็นต้น นอกจากนั้น การดําเนินงานมีลักษณะถอยทีถอยอาศัย โครงสร้างองค์กรจึงมีลักษณะแนวราบ มีอิสระในกระบวนการดําเนินงาน และมีกระบวนการทํางานในเชิงจารีตประเพณี ตามสภาพแวดล้อมทางสังคมและวัฒนธรรมอันเป็นลักษณะธรรมชาติที่มีอยู่ภายในชุมชน แม้ว่าองค์กรชุมชนหรือองค์กรภาคประชาชนทั้ง 4 องค์กรจะมีกฎระเบียบที่เป็นลายลักษณ์อักษร แต่ระเบียบดังกล่าว เป็นเครื่องมือที่ใช้เป็นกลไกเพื่อจุดประสงค์ในการรับการประเมินผลการดําเนินงานจากหน่วยงานราชการตามนโยบายภาครัฐเท่านั้น ขอเสนอต่อแนวทางการศึกษาซึ่งได้จากสมมติฐานที่ว่า องค์กรชุมชนหรือองค์กรภาคประชาชนเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติของสภาพแวดล้อมทางสังคมและวัฒนธรรม ดังนั้น น่าจะนําลักษณะดังกล่าวไปศึกษาเชิงบูรณาการเพื่อประโยชนในการพัฒนาองค์กรระดับรากหญ้าทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคมและการเมือง ข้อเสนอแนะในเชิงนโยบายสําหรับการศึกษานี้ รัฐไม่ควรเข้าแทรกแซงการดําเนินงานขององค์กรชุมชน หรือองค์กรภาคประชาชน เพื่อไม่ก่อให้เกิดการทําลายลักษณะที่เป็นธรรมชาติขององค์กรดังกล่าว เนื่องจากลักษณะความเป็นธรรมชาติที่สอดคล้องต่อชุมชนเป็นลักษณะที่ก่อให้เกิดความเข้มแข็งหรือศักยภาพในการสร้างความสามารถในการดําเนินงานขององค์กรชุมชนหรือองค์กรภาคประชาชน
