การพัฒนานวัตกรรมเชิงสุขภาพในกลุ่ม Active Beach (ชลบุรี ระยอง จันทบุรี ตราด) เพื่อสร้างบริการมูลค่าสูง (High Value) และยกระดับให้เป็นศูนย์กลางของการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพของเอเชีย

Default Image
Date
ISBN
Journal Title
Journal ISSN
Volume Title
Resource Type
Publisher
มหาวิทยาลัยสวนดุสิต
Views
Views1
Usage analytics
Journal Title
การพัฒนานวัตกรรมเชิงสุขภาพในกลุ่ม Active Beach (ชลบุรี ระยอง จันทบุรี ตราด) เพื่อสร้างบริการมูลค่าสูง (High Value) และยกระดับให้เป็นศูนย์กลางของการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพของเอเชีย
Recommended by
Abstract
การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ ข้อ 1. เพื่อสังเคราะห์และบูรณาการองค์ความรู้ทางด้าน (1) การตลาดเชิงลึกและวิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภคด้านการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพในกลุ่ม Active beach เพื่อเจาะตลาดใหม่ที่มีศักยภาพ (2) การพัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์สปาโดยใช้ฐานทรัพยากรในท้องถิ่นเพื่อสร้างบริการมูลค่าสูง (High value) และ (3) การเพิ่มขีดความสามารถของผู้ประกอบการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพในกลุ่ม Active beach ด้วยนวัตกรรมเพื่อสร้างบริการมูลค่าสูง และยกระดับให้เป็นศูนย์กลางของการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพของเอเชีย (Wellness hub of Asia) ข้อ 2. เพื่อจัดทำแผนกลยุทธ์ทางด้านธุรกิจในการนำนวัตกรรมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพมาใช้ในเชิงพาณิชย์เพื่อสร้างบริการมูลค่าสูง (High value) และยกระดับให้เป็นศูนย์กลางของการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพของเอเชีย มีการใช้วิธีการวิจัยแบบบูรณาการ (Integrated research) ที่มีการวิจัยทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สำหรับการพัฒนานวัตกรรมและทางด้านสังคมศาสตร์เพื่อศึกษาประเด็นทางด้านเศรษฐกิจการพัฒนาทุนมนุษย์ตลอดจนการดำเนินธุรกิจ มาสังเคราะห์เป็นองค์ความรู้ใหม่เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพในกลุ่มจังหวัดชลบุรี ระยอง จันทบุรี และจังหวัดตราด ผลการวิจัยพบว่า 1. ผลการสังเคราะห์และบูรณาการองค์ความรู้ทางด้านการวิจัยตลาดเชิงลึกและวิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภคด้านการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพเพื่อเจาะตลาดใหม่ที่มีศักยภาพด้วยการศึกษาพฤติกรรมนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ จำนวน 3,600 คน นำไปสู่การพัฒนากลยุทธ์ด้านการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพในกลุ่ม Active beach แบ่งออกเป็น 3 กลยุทธ์ กล่าวคือ กลยุทธ์ที่ 1 การเจาะตลาดชาวต่างชาติที่มีศักยภาพและกำลังซื้อสูง กลยุทธ์ที่ 2 กลยุทธ์การเจาะตลาดนักท่องเที่ยวชาวไทยกลุ่มผู้สูงอายุ (Senior tourist) และกลยุทธ์ที่ 3 กลยุทธ์การใช้โซเชียลมีเดียส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพในกลุ่ม Active beach แบบเจาะตลาดกลุ่มใหม่ที่มีศักยภาพ อีกทั้งได้มีการพัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์สปาโดยใช้ฐานทรัพยากรในท้องถิ่น ได้แก่ (1) ผลิตภัณฑ์ ชาร์โคลจากถ่านเปลือกมังคุด ได้นำชาร์โคลจากถ่านเปลือกมังคุด มีคุณสมบัติในการดูดซับสิ่งสกปรกตกค้างต่าง ๆ จากมลภาวะและเชื้อก่อโรคให้ออกไปจากผิว ทำให้รู้สึกว่าผิวสะอาดไปจนถึงรูขุมขน และยังช่วย ทำให้ผิวเนียนนุ่ม และกระจ่างใสขึ้น (2) เซรั่มฟื้นฟูสภาพผิวจากสารสกัดข้าวและกรดแลคติกจากข้าวหมัก เซรั่มฟื้นฟูสภาพผิวทำให้ผิวกระจ่างใสมาหมองคล้ำ ผิวเรียบเนียนขึ้นจุดด่างดำแลดูจางลง (3) ผลิตภัณฑ์น้ำมันนวดเท้าจากการสกัดน้ำมันกระวาน เพื่อนำไปใช้เป็นผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นที่ใช้ในการฝึกอบรมหมอนวดจำนวน 200 คน รองรับการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ส่งเสริมการพัฒนารูปแบบธุรกิจใหม่ (Business model) ของการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ นำไปสู่แนวทางการเพิ่มขีดความสามารถของผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพในกลุ่ม Active beach แบ่งออกได้ 5 กลุ่มรูปแบบธุรกิจใหม่ คือ (1) Health & Wellness (2) Beauty & Wellness (3) CBT & Wellness (4) Medical & Wellness (5) Food & Wellness ซึ่งมีแนวทางในการพัฒนารูปแบบธุรกิจใหม่สรุปได้สามประการ คือ ประการที่ 1 การวิเคราะห์พฤติกรรมกลุ่มลูกค้าเดิมของธุรกิจว่าเป็นลูกค้ากลุ่มไหน คุณลักษณะของลูกค้ากลุ่มเดิมเป็นอย่างไร ประการที่ 2 พัฒนาสินค้าและบริการเดิมของธุรกิจให้เป็นสินค้าที่สนับสนุนแนวทางการตลาดเพื่อการส่งเสริมสุขภาพและประการที่ 3 คือ การผนวกสินค้าเดิมเข้ากับสินค้าใหม่ หรือกิจกรรมการท่องเที่ยวในรูปแบบใหม่เพื่อนำมาเป็นจุดขาย 2. การจัดทำแผนกลยุทธ์ทางด้านธุรกิจในการนำนวัตกรรมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพมาใช้ในเชิงพาณิชย์เพื่อสร้างบริการมูลค่าสูง (High value) และยกระดับให้เป็นศูนย์กลางของการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพของเอเชีย ด้วยการวิเคราะห์ความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพในกลุ่ม Active Beach โดยใช้แบบจำลองระบบเพชร (Diamond Model) และทำการวิเคราะห์ SWOT Analysis ของการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและประมวลผลการวิเคราะห์ BCG Matrix พบว่า ตกอยู่ในตำแหน่ง Star (+0.70, +0.43) หมายถึง ธุรกิจการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพในกลุ่ม Active Beach กำลังเติบโตมีทั้งจุดและโอกาสให้สามารถพัฒนาต่อยอดทางธุรกิจได้เป็นอย่างดี นำไปสู่การกำหนดกลยุทธ์ทางด้านธุรกิจในการนำนวัตกรรมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพมาใช้ในเชิงพาณิชย์เพื่อสร้างบริการมูลค่าสูง (High value) กล่าวคือ (1) กลยุทธ์ที่ 1 กำหนดนักท่องเที่ยวกลุ่มเป้าหมายที่เป็นตลาดหลักได้แก่กลุ่มนักท่องเที่ยวสูงอายุ (Senior tourist) เนื่องจากเป็นนักท่องเที่ยวที่มีศักยภาพ สามารถท่องเที่ยวได้เป็นระยะเวลานาน โดยมีรูปแบบท่องเที่ยวแบบพำนักระยะยาวและให้ความสนใจกับการรักษาสุขภาพ (2) กลยุทธ์ที่ 2 เจาะกลุ่มตลาดเป้าหมายนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติกำลังซื้อสูง ทั้งนี้นักท่องเที่ยวกลุ่มเป้าหมายหลักได้แก่ นักทองเที่ยวชาวต่างชาติกำลังซื้อสูง 3 ลำดับแรกของไทย ได้แก่ จีน มาเลเซีย ญี่ปุ่น (3) กลยุทธ์ที่ 3 พัฒนานวัตกรรม/ผลิตภัณฑ์สปา เน้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารเชิงสุขภาพจากพืชผักสมุนไพรในท้องถิ่นและผลิตภัณฑ์สปาสำหรับห้องพักของโรงแรม (4) กลยุทธ์ที่ 4 เชื่อมโยงการท่องเที่ยวไปยังประเทศเพื่อนบ้าน เป้าหมายสำคัญของจังหวัดตราดพัฒนาไปสู่การท่องเที่ยวเชื่อมโยงกับเพื่อนบ้าน กับกัมพูชา เวียดนาม ตามเส้นทางสาย R 10 (5) กลยุทธ์ที่ 5 โปรโมทอาหารเชิงสุขภาพจากพืชผักสมุนไพรในท้องถิ่น ซึ่งจะกลายเป็นจุดขายที่สำคัญของการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (6) กลยุทธ์ที่ 6 พัฒนาทักษะของผู้ให้บริการทางด้านสุขภาพ ด้วยการส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาทักษะฝีมือแรงงานให้มากขึ้น เพื่อยกระดับมาตรฐานฝีมือแรงงาน ตลอดรวมไปถึงการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีในอาชีพการนวด (7) กลยุทธ์ที่ 7 พัฒนาตราสินค้าและให้เป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยว (Brand Destination) โดยการยกระดับประสบการณ์และคุณค่าจากการท่องเที่ยว (Value Proposition) เพื่อดึงดูดกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มีรายได้ปานกลางถึงสูงจากประเทศแถบเอเชียแปซิฟิก ส่งเสริมให้มีกิจกรรมที่หลากหลายตามสถานที่ท่องเที่ยว ตลอดจนการสนับสนุนธุรกิจทางการแพทย์และศูนย์ฟื้นฟูสุขภาพ (8) กลยุทธ์ที่ 8 เชื่อมโยงกับการท่องเที่ยวชุมชน การเชื่อมโยงการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพกับการท่องเที่ยวชุมชน โดยมีการบูรณาการเข้ากับการท่องเที่ยวชุมชนเพื่อเป็นการสร้างแหล่งท่องเที่ยวใหม่ที่น่าดึงดูด ซึ่งมีการผนวกเข้ากับกิจกรรมการท่องเที่ยวในรูปแบบอื่น เช่น การท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ทำให้เกิดความหลากหลายของกิจกรรมการท่องเที่ยวที่จัดขึ้นโดยชุมชนและ (9) กลยุทธ์ที่ 9 ใช้กลยุทธ์การตลาดออนไลน์ (Online Marketing) และส่งเสริมให้กิจกรรมการท่องเที่ยวสามารถทำธุรกรรมการเงินผ่านระบบพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ข้อเสนอแนะสำหรับภาคธุรกิจเอกชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้านการจัดการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ควรเน้นการศึกษาบริบททางธุรกิจการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพเชิงลึก ตลอดจนศักยภาพ ความพร้อมทั้งในส่วนของเรื่องบุคลากร เงินทุน โครงสร้างการบริหารจัดการธุรกิจเพื่อการพัฒนาธุรกิจ ส่งเสริมการสร้างเครือข่ายความร่วมมือ อีกทั้ง ภาครัฐควรส่งเสริมแหล่งท่องเที่ยว กลุ่มวิสาหกิจเพื่อการพัฒนาผลิตภัณฑ์ทางการท่องเที่ยวให้มีมาตรฐานพร้อมแนวทางการติดตามกำกับดูแลที่ชัดเจนและเป็นระบบ ตลอดจนการส่งเสริมการวิจัยพัฒนานวัตกรรมเชิงสุขภาพ และการศึกษาองค์ความรู้ใหม่เพื่อให้เกิดประโยชน์แก่ชุมชน
Description
Citation
View online resources
Collections