การประเมินคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของโฮมเบเกอรี่มหาวิทยาลัยสวนดุสิต กรณีศึกษา: ผลิตภัณฑ์ท๊อฟฟี่เค้ก
Journal Title
การประเมินคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของโฮมเบเกอรี่มหาวิทยาลัยสวนดุสิต กรณีศึกษา: ผลิตภัณฑ์ท๊อฟฟี่เค้ก
Recommended by
Abstract
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อประเมินคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของโฮมเบเกอรี่มหาวิทยาลัยสวนดุสิต กรณีศึกษา: ผลิตภัณฑ์ท๊อฟฟี่เค้ก และสำรวจการรับรู้เกี่ยวกับฉลากคาร์บอน และการใช้ฉลากคาร์บอนในการพิจารณาการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ท๊อฟฟี่เค้กของผู้บริโภค ผลการศึกษาพบว่า จากการประเมินการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการได้มาซึ่งวัตถุดิบ พบว่า การปล่อยก๊าซเรือนกระจกของน้ำตาลทรายขาวมากที่สุด รองลงมา นมข้นจืด และ ไข่ไก่ ตามลำดับ สำหรับกระบวนการผลิต ด้านไฟฟ้ามีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากที่สุด รองลงมา ก๊าซปิโตรเลียมเหลว (Liquefied Petroleum Gas: LPG) (การเผาไหม้) ตามลำดับ ในขณะที่การใช้งานผลิตภัณฑ์ พบว่า ภาพรวมปล่อยก๊าซเรือนกระจกเท่ากับ 25.7 kg CO2-eq โดยน้ำเสียปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการใช้งานผลิตภัณฑ์มากที่สุด รองลงมา น้ำประปา และ ไฟฟ้า ตามลำดับ และการประเมินผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมตลอดวัฎจักรของผลิตภัณฑ์ท๊อฟฟี่เค้กขนาด 20 ชิ้น ต่อ 1 กล่อง ปริมาณ 125 กรัม ก่อให้เกิดปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่ปล่อยออกมาจากผลิตภัณฑ์แต่ละหน่วยตลอดวัฏจักรชีวิตของผลิตภัณฑ์ท๊อฟฟี่เค้ก มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั้งหมด 79.2 gCO2-eq สำหรับ ขั้นตอนที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากที่สุด คือ การผลิต มีการปล่อยทั้งสิ้น 73.3 gCO2-eq หรือคิดเห็นร้อยละ 92.6 ของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั้งหมด รองลงมา คือ การได้มาของวัตถุดิบ ด้านการกำจัดของเสียหลังการใช้งานผลิตภัณฑ์ ประเมินจากการทิ้งลงสู่ถังขยะและนำไปกำจัดโดยกรุงเทพมหานคร โดยกำหนดให้ของเสียที่เกิดหลังจากการบริโภค คือ ภาชนะบรรจุเท่านั้น และการกำจัดของเสีย ทำโดยการฝังกลบ 100 เปอร์เซ็นต์ โดยการขนส่ง ที่ใช้การขนส่งของเสียไปยังจุดฝังกลบ คือ โรงกำจัดมูลฝอย อ่อนนุช การขนส่งด้วยรถบรรทุก 6 ล้อ ขนาดบรรทุก 10 ตัน ระยะทางการขนส่ง 56 กิโลเมตร (ไปกลับ) โดยซากภาชนะบรรจุสินค้าหลังบริโภคผลิตภัณฑ์ท๊อฟฟี่เค้ก คือ กล่องใส่ผลิตภัณฑ์ท๊อฟฟี่เค้ก ขนาดบรรจุ 20 ชิ้น โดยเป็นกล่องกระดาษที่ปลอดภัยสำหรับอาหารและเครื่องดื่ม น้ำหนัก 125 กรัม สำหรับน้ำหนักจริงของซากภาชนะบรรจุหลังจากบริโภคอยู่ที่ 130 กรัมโดยประมาณ โดยสรุปค่าการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในช่วงการจัดการซากผลิตภัณฑ์ เท่ากับ 1.6 kg CO2-eq สำหรับการใช้ฉลากคาร์บอนในการพิจารณาเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ท๊อฟฟี่เค้กจากผลการประเมินการใช้ฉลากในการพิจารณาเลือกซื้อของผู้บริโภค พบว่า ในภาพรวมมีระดับการใช้ปานกลาง เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่าการใช้ ฉลากคาร์บอนในการพิจารณาเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ท๊อฟฟี่เค้กอยู่ในระดับมากในประเด็นของการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ท๊อฟฟี่เค้กที่มีการแสดงฉลากคาร์บอนและการเลือกซื้อหากมีการรณรงค์การลดโลกร้อน ส่วนการใช้ฉลากคาร์บอนในการพิจารณาเลือกซื้อระดับปานกลางพบในประเด็นของการแสดงฉลากคาร์บอน มีส่วนทำให้การตัดสินใจซื้อรวดเร็วยิ่งขึ้นมากกว่ารูปลักษณ์ สีสัน และรสชาติ โดยความคิดเห็น และข้อเสนอแนะเพิ่มเติม พบว่า ส่วนใหญ่เสนอให้มีการให้ความรู้เกี่ยวฉลากคาร์บอน ความสำคัญของฉลากคาร์บอน และควรให้ความรู้ถึงประโยชน์ที่ผู้บริโภคจะได้รับอันเกิดจากการบริโภคสินค้าที่มีฉลากคาร์บอน
