การวิเคราะห์ผลงานการประพันธ์เพลงเถาของนายอุทัย แก้วละเอียด ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (ดนตรีไทย) ปีพุทธศักราช 2552

Default Image
Date
ISBN
Journal Title
Journal ISSN
Volume Title
Resource Type
Publisher
Views
Views6
Usage analytics
Journal Title
การวิเคราะห์ผลงานการประพันธ์เพลงเถาของนายอุทัย แก้วละเอียด ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (ดนตรีไทย) ปีพุทธศักราช 2552
Recommended by
Abstract
การศึกษาบทเพลงของครูอุทัย แก้วละเอียด มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาการรับการถ่ายทอดด้านหลักการประพันธ์ วิเคราะห์ผลงานการประพันธ์เพลงเถา และสังเคราะห์แนวทางการประพันธ์เพลงเถา ใช้ระเบียบวิธีวิทยาการวิจัยเชิงคุณภาพ โดยเก็บข้อมูลภาคเอกสาร และภาคสนาม ผลการวิจัยพบว่า (1)หลักการประพันธ์เพลงของครูอุทัย ใช้หลักการสร้างสรรค์เพลงใหม่ และการนำเพลงเก่ามาเสนอรูปแบบหรือวิธีการใหม่ โดยใช้สังคีตลักษณ์ คือ เน้นเพลงที่สามารถใช้ได้หลากหลายโอกาส และวงดนตรี บันไดเสียง : ใช้บันไดเสียง 5,6,7 เสียง หน้าทับ : หน้าทับสองไม้เพื่อจะใช้ได้กว้างขวางขึ้น การเคลื่อนทำนอง : ต้องประพันธ์ให้มีลูกตกทำนองที่กลมกล่อมทั้งกำหนดท่วงทีลีลา อารมณ์เพลงที่ชัดเจน กลวิธีบรรเลง : เน้นการสร้างทำนองที่แสดงฝีมือนักดนตรี (2)การวิเคราะห์ผลงานการประพันธ์เพลงเถา พบว่า มีบทเพลงท่อนเดียว บทเพลงท่อนเดียว ได้แก่ เพลงเทพทอง เถา พร้อมด้วยเที่ยวเปลี่ยน ทุกอัตราจังหวะ ทั้งมีการซ้ำสำนวนประโยคระหว่างท่อนปกติกับเที่ยวเปลี่ยนในประโยคสุดท้ายของท่อน บทเพลงสองท่อน ได้แก่ เพลงอุศเรน เถา มีการประพันธ์เที่ยวเปลี่ยนในอัตราจังหวะสามชั้น และมีการซ้ำท้ายระหว่างท่อน รวมทั้งเพิ่มเพลงลูกบท เพลงดอกไม้เหนือ เถา มีกลุ่มทำนองเป็นเอกเทศ ไม่มีการซ้ำหัวหรือท้าย เพลงเทพนฤมิต เถา มีลักษณะบังคับทางสำนวนกรอ สำนวนลูกล้อลูกขัด เหลื่อม และมีแบบแผนด้วยการซ้ำทำนองช่วงสองจังหวะสุดท้ายของท่อน นอกจากนี้ยังพบสำเนียงภาษาสอดแทรกในบทเพลง คือ เพลงอุศเรน เถา เพลงเทพนฤมิต เถา โดยทุกเพลงใช้จังหวะหน้าทับสองไม้ในการประพันธ์เป็นหลัก (3)การสังเคราะห์แนวทางการประพันธ์เพลงเถา พบว่า ครูอุทัย แก้วละเอียด ประพันธ์เพลงจากความทรงจำเป็นแรงบันดาลใจโดยใช้การสร้างสรรค์ดังนี้ (3.1) การสร้างทำนองเกริ่น (3.2) การใช้บันไดเสียงที่หลากหลายในบทเพลง (3.3) การประพันธ์เที่ยวกลับหรือเที่ยวเปลี่ยนในบทเพลง (3.4) การเดี่ยวและการสร้างเพลงลูกบทท้ายบทเพลงเถา โดยหลักการทั้งสามยึดถือการใช้บันไดเสียง และลูกตกเสียง ตลอดจนท่วงทีลีลาของบทเพลงตามวัตถุประสงค์ของบทเพลง เพื่อให้นักดนตรีแสดงความสามารถทั้งในการบรรเลงรวมวง และการบรรเลงเดี่ยว
Description
Citation
View online resources
Collections