จิตลักษณะและสถานการณ์ที่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมการท่องเที่ยว เชิงสุขภาพภายในประเทศของผู้สูงอายุ

Default Image
Date
ISBN
Journal Title
Journal ISSN
Volume Title
Resource Type
Publisher
Usage analytics
Journal Title
จิตลักษณะและสถานการณ์ที่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมการท่องเที่ยว เชิงสุขภาพภายในประเทศของผู้สูงอายุ
Recommended by
Abstract
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เพื่อศึกษาจิตลักษณะและสถานการณ์ที่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพภายในประเทศของผู้สูงอายุ 2) เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่าง ปัจจัยด้านสถานการณ์ ด้านจิตลักษณะเดิมและจิตลักษณะตามสถานการณ์กับพฤติกรรมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพภายในประเทศของผู้สูงอายุ กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ ผู้สูงอายุที่อาศัยอยู่ในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร จำนวน 400 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ แบบสอบถามผู้วิจัยสร้างขึ้น สถิติที่ใช้ในงานวิจัย ได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานและการทดสอบความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปร โดยการใช้สถิติ Chi-Square ผลการวิจัยพบว่า 1. ผู้สูงอายุส่วนใหญ่เป็นเพศชาย จำนวน 200 คน คิดเป็นร้อยละ 50.00 และเพศหญิง จำนวน 200 คน คิดเป็นร้อยละ 50.00 อายุผู้สูงอายุส่วนใหญ่ 60 - 65 ปี จำนวน 160 คน คิดเป็นร้อยละ 40.00 สถานภาพของผู้สุงอายุส่วนใหญ่สมรส จำนวน 249 คน คิดเป็นร้อยละ 62.25 ระดับการศึกษาของผู้สูงอายุส่วนใหญ่อยู่ในระดับมัธยมศึกษาศึกษา จำนวน 137 คน คิดเป็นร้อยละ 34.25 อาชีพของ ผู้สูงอายุส่วนใหญ่ค้าขาย/ประกอบธุรกิจส่วนตัว จำนวน 173 คน คิดเป็นร้อยละ 43.25 รายได้เฉลี่ยต่อเดือนของผู้สูงอายุส่วนใหญ่มีรายได้ 10,001 - 20,000 บาท จำนวน 130 คน คิดเป็นร้อยละ 32.25 2. จิตลักษณะและสถานการณ์ที่เกี่ยวข้องกับปัจจัยด้านสถานการณ์ ภาพรวมอยู่ในระดับจริง และเมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า ปัจจัยด้านสถานการณ์กับพฤติกรรมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ อยู่ในระดับจริง ได้แก่ อันดับที่ 1 การได้รับรู้สภาพของสถานที่ท่องเที่ยว และอันดับที่ 2 การได้รับอิทธิพลจากกลุ่ม และอยู่ในระดับค่อนข้างจริง ได้แก่ อันดับที่ 3 การได้รับข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ส่วนปัจจัยด้านจิตลักษณะเดิม ภาพรวมอยู่ในระดับค่อนข้างจริง และเมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า ปัจจัยด้านจิตลักษณะกับพฤติกรรมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพอยู่ในระดับจริง ได้แก่ อันดับที่ 1 แรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์และอยู่ในระดับค่อนข้างจริง ได้แก่ อันดับที่ 2 สุขภาพจิต และอันดับที่ 3 ลักษณะมุ่งอนาคตควบคุมตน ส่วนปัจจัยด้านจิตลักษณะตามสถานการณ์ ภาพรวมอยู่ในระดับจริง และเมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า ปัจจัยด้านจิตลักษณะกับพฤติกรรมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ อยู่ในระดับจริง ได้แก่ อันดับที่ 1 ทัศนคติที่ดีต่อการดูแลสุขภาพ และอันดับที่ 2 ความเชื่ออำนาจในตน ตามลำดับ 3. พฤติกรรมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพภายในประเทศของผู้สูงอายุนั้นมีลักษณะการเดินทางในการท่องเที่ยวและใช้บริการท่องเที่ยวเชิงส่งเสริมสุขภาพส่วนใหญ่เดินทางพร้อมครอบครัว จำนวน 273 คิดเป็นร้อยละ 68.25 ผู้ร่วมเดินทางที่ผู้สูงอายุนิยมท่องเที่ยว/ใช้บริการท่องเที่ยวเชิงส่งเสริมสุขภาพส่วนใหญ่เป็นครอบครัว/ญาติ จำนวน 253 คน คิดเป็นร้อยละ 63.25 การตัดสินใจของผู้สูงอายุในการเลือกแหล่งท่องเที่ยวหรือจังหวัดในการท่องเที่ยว/ใช้บริการท่องเที่ยวเชิงส่งเสริมสุขภาพส่วนใหญ่มีผู้ร่วม ตัดสินใจ จำนวน 263 คน คิดเป็นร้อยละ 65.75 แหล่งข้อมูลที่ผู้สูงอายุหาข้อมูลท่องเที่ยว/ใช้บริการท่องเที่ยวเชิงส่งเสริมสุขภาพส่วนใหญ่เป็นการสอบถามเพื่อหรือญาติที่เคยเดินทาง จำนวน 161 คน คิด เป็นร้อยละ 40.25 วัน/เวลาที่เดินทางท่องเที่ยว/ใช้บริการท่องเที่ยวเชิงส่งเสริมสุขภาพส่วนใหญ่เป็น วันหยุดยาวจำนวน 129 คน คิดเป็นร้อยละ 32.25 ระยะเวลาโดยเฉลี่ยที่ผู้สูงอายุใช้ในการท่องเที่ยว/ใช้บริการท่องเที่ยวเชิงส่งเสริมสุขภาพส่วนใหญ่เป็นใช้ระยะเวลา 3 - 4 วัน จำนวน 146 คน คิดเป็นร้อยละ 36.50 ช่วงเวลาที่ผู้สูงอายุนิยมท่องเที่ยว/ใช้บริการท่องเที่ยวเชิงส่งเสริมสุขภาพส่วนใหญ่เป็นช่วงเดือนเมษายน - มิถุนายน จำนวน 194 คน คิดเป็นร้อยละ 48.50 พาหนะหลักที่ผู้สูงอายุใช้ในการเดินทางท่องเที่ยว/ใช้บริการท่องเที่ยวเชิงส่งเสริมสุขภาพส่วนใหญ่เป็นรถยนต์ส่วนตัว จำนวน 290 คน คิดเป็นร้อยละ 72.50 ภูมิภาคที่ผู้สูงอายุนิยมเดินทางท่องเที่ยว/ใช้บริการท่องเที่ยวเชิงส่งเสริมสุขภาพ ส่วนใหญ่เป็นภาคกลาง จำนวน 120 คน คิดเป็นร้อยละ 30.00 สถานที่พักแรมที่ผู้สูงอายุมักใช้บริการ ช่วงเดินทางท่องเที่ยว/ใช้บริการท่องเที่ยวเชิงส่งเสริมสุขภาพส่วนใหญ่เป็นโรงแรม จำนวน 154 คน คิดเป็นร้อยละ 38.50 ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อครั้งที่ผู้สูงอายุใช้ในการท่องเที่ยว/ใช้บริการท่องเที่ยวเชิงส่งเสริมสุขภาพส่วนใหญ่ค่าใช้จ่าย 5,000 - 10,000 บาท จำนวน 143 คน คิดเป็นร้อยละ 35.75 ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาโดยเฉลี่ยที่ผู้สูงอายุท่องเที่ยว/ใช้บริการท่องเที่ยวเชิงส่งเสริมสุขภาพเป็นส่วนใหญ่ท่องเที่ยว 4 - 6 ครั้ง จำนวน 13 คน คิดเป็นร้อยละ 43.75 วัตถุประสงค์ของการท่องเที่ยว/ใช้บริการท่องเที่ยวเชิง ส่งเสริมสุขภาพของผู้สูงอายุส่วนใหญ่เป็นพักผ่อนหย่อนใจ จำนวน 225 คน คิดเป็นร้อยละ 56.25 ประเภทบริการท่องเที่ยวเชิงส่งเสริมสุขภาพที่ผู้สูงอายุนิยมไปใช้บริการส่วนใหญ่เป็นท่องเที่ยวแหล่ง ธรรมชาติ จำนวน 309 คน คิดเป็นร้อยละ 77.25 4. ความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยด้านสถานการณ์ ด้านจิตลักษณะเดิมและจิตลักษณะตามสถานการณ์กับพฤติกรรมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพภายในประเทศของผู้สูงอายุ ประกอบด้วย ปัจจัยด้านสถานการณ์ มี 3 ตัวแปร ประกอบด้วย การได้รับรู้สภาพของสถานที่ท่องเที่ยวการได้รับข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและการได้รับอิทธิพลจากกลุ่ม มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ในด้านลักษณะการเดินทางของผู้สูงอายุในการท่องเที่ยว ผู้ร่วมเดินทางที่ผู้สูงอายุ นิยมท่องเที่ยว ระยะเวลาโดยเฉลี่ยที่ผู้สูงอายุใช้ในการท่องเที่ยว ช่วงเวลาที่ผู้สูงอายุนิยมท่องเที่ยว พาหนะหลักที่ใช้ในการเดินทางท่องเที่ยว สถานที่พักแรมที่ผู้สูงอายุมักใช้บริการช่วงเดินทางท่องเที่ยว ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อครั้งที่ผู้สูงอายุใช้ในการท่องเที่ยว ส่วนปัจจัยด้านจิตลักษณะเดิม มี 3 ตัวแปร ประกอบด้วย แรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ ลักษณะมุ่งอนาคตควบคุมตน สุขภาพจิต มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรม การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ในด้านลักษณะการเดินทางของผู้สูงอายุในการท่องเที่ยว ผู้ร่วมเดินทางที่ ผู้สูงอายุนิยมท่องเที่ยว พาหนะหลักที่ผู้สูงอายุใช้ในการเดินทางท่องเที่ยวสถานที่พักแรมที่ผู้สูงอายุใช้ บริการช่วงเดินทางท่องเที่ยว และปัจจัยจิตลักษณะตามสถานการณ์ มี 2 ตัวแปร ประกอบด้วย ทัศนคติที่ดีต่อการดูแลสุขภาพ ความเชื่ออำนาจในตน มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพในด้านผู้ร่วมเดินทางที่ผู้สูงอายุนิยมท่องเที่ยว พาหนะหลักที่ใช้ในการเดินทางท่องเที่ยว สถานที่พักแรมที่ผู้สูงอายุมักใช้บริการช่วงเดินทางท่องเที่ยว
Description
Citation
View online resources
Collections