การศึกษาเปรียบเทียบประสิทธิภาพของกระบวนการไฮโดรจีเนชันและการเติมวิตามินอีเพื่อการปองกันการเหม็นหืนในหมูหัน

Default Image
Date
ISBN
Journal Title
Journal ISSN
Volume Title
Resource Type
Publisher
Usage analytics
Journal Title
การศึกษาเปรียบเทียบประสิทธิภาพของกระบวนการไฮโดรจีเนชันและการเติมวิตามินอีเพื่อการปองกันการเหม็นหืนในหมูหัน
Recommended by
Abstract
การวิจัยนี้เป็นการศึกษาเปรียบเทียบประสิทธิภาพการป้องกันการเหม็นหืนในหมูหันด้วย กระบวนการไฮโดรจีเนชันและการเติมวิตามินอี โดยเริ่มจากการศึกษาผลของภาวะในการเก็บรักษา ตัวอย่างในภาชนะเปิดและภาชนะปิดผนึกที่อุณหภูมิ 25 และ 4 องศาเซลซียส ภาวะในการเก็บรักษาที่ดีที่สุดจะถูกใช้ในการเก็บตัวอย่างตลอดระยะเวลาการทดลองก่อนถูกนํามาวิเคราะห์สมบัติ ปริมาณการเกิดออกซิเดชันของไขมันซึ่งเป็นสาเหตุของการเหม็นหืนจะถูกติดตามจากค่าเปอร์ออกไซด์ ค่าไอโอดีน ความเป็นกรด และความชื้น ในเทคนิคการเติมวิตามินอี จะใช้วิตามินอีปริมาณ 50-150 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัมตัวอย่าง ผสมและให้ตัวอย่างสัมผัสวิตามินอีเป็นเวลา 1-3 ชั่วโมง ในกระบวนการไฮโดรจีเนชันของหมูหันจะใช้ก๊าซไฮโดรเจน ร้อยละ 10 ในก๊าซไนโตรเจนที่อัตราการไหลของไฮโดรเจนเขาสูทอควอทซ์บรรจุในเตาเผาที่ 50-150 มิลลิลิตรต่อนาที อุณหภูมิ 50-150 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 10-30 นาที ตัวอย่างจะถูกเก็บรักษาเป็นเวลา 120 ชั่วโมง และนํามาวิเคราะห์ความเหม็นหืนทุก 24 ชั่วโมง พบว่า ภาวะในการเก็บรักษาตัวอย่างที่เหมาะสมที่สุด คือ ในภาชนะปิดผนึกที่อุณหภูมิ 4 องศาเซลซียส ไขมันจะเกิดการออกซิไดซ์กับอากาศน้อยกว่าการเก็บในภาชนะเปิดและการเก็บที่อุณหภูมิ 25 องศาเซลเซียส ภาวะที่เหมาะสมที่สุดในการเติมวิตามินอีที่ให้ค่าเปอร์ออกไซด์ต่ำสุดที่ 0.91 มิลลิโมลตอน้ำมัน 1 กิโลกรัม คือ การเติมวิตามินอี 100 มิลลิกรัม และให้วิตามินสัมผัสตัวอย่างนาน 3 ชั่วโมง และค่าเปอร์ออกไซด์ต่ำสุดที่ 0.42 มิลลิโมลตอน้ำมัน 1 กิโลกรัม ของการทําปฏิกิริยาไฮโดรจีเนชันคือ ที่อัตราการไหลจองก๊าซไฮโดรเจน 100 มิลลิลิตรต่อนาที ที่อุณหภูมิ 100 องศาเซลเซียส และเวลาในการเกิดปฏิกิริยา 30 นาที และการป้องกันการเหม็นหืนในหมูหันด้วยกระบวนการไฮโดรจีเนชันจะมีประสิทธิภาพดีกว่าเทคนิคการเติมวิตามินอี
Description
Citation
View online resources
Collections