การศึกษารูปแบบการพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมอย่างยั่งยืน: กรณีศึกษา จังหวัดลำปาง
| dc.contributor.author | รุ่งนภา เลิศพัชรพงศ์ | |
| dc.contributor.author | นภาพร จันทร์ฉาย | |
| dc.contributor.author | ขวัญนภา สุขคร | |
| dc.date.accessioned | 2025-07-03T04:00:04Z | |
| dc.date.accessioned | 2025-09-03T03:46:54Z | |
| dc.date.available | 2025-07-03T04:00:04Z | |
| dc.date.available | 2025-09-03T03:46:54Z | |
| dc.description.abstract | การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อสำรวจเส้นทางและนำเสนอเส้นทางเลือก ในการเข้าถึงแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม เพื่อศึกษาบริบทของแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม ที่เอื้อต่อการพัฒนาและส่งเสริมการท่องเที่ยว และเพื่อนำเสนอรูปแบบการพัฒนาการบริหารจัดการการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมเพื่อให้เกิดการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน โดยเลือกใช้กรณีศึกษาคือ วัดพระธาตุจอมปิง อำเภอเกาะคา จังหวัดลำปาง วิธีดำเนินการวิจัย มีลักษณะเป็นการวิจัยเชิงคุณภาพ ประเภทการศึกษารายกรณี (Case Study) ในสถานการณ์จริง (Phenomenological Study) โดยมีกลุ่มเป้าหมายซึ่งกำหนดโดยการเลือกแบบเฉพาะเจาะจง (Purposive Sampling) คือ กลุ่มคนในเขตชุมชน หมู่ที่ 8 บ้านพระธาตุจอมปิง ตำบลนาแก้ว อำเภอเกาะคา จังหวัดลำปาง จำนวน 15 ราย และนักท่องเที่ยวที่เข้ามาเยี่ยมชมวัดพระธาตุจอมปิง จำนวน 15 ราย และใช้เครื่องมือในเก็บข้อมูล คือ การสำรวจ การสังเกต การสัมภาษณ์บุคคลเชิงลึก และการเสวนากลุ่มย่อย โดยกำหนดประเด็นที่ต้องการสำรวจไว้ล่วงหน้า 4 ประเด็นหลัก คือ 1) เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ ตำนาน เรื่องเล่า ความเชื่อ ร่องรอยหลักฐานทางโบราณคดี ตลอดจนกิจกรรม และวิถีประเพณี วัฒนธรรมที่เกี่ยวข้องกับวัดพระธาตุจอมปิง 2) แนวคิด ทัศนคติ และการรับรู้ ที่มีต่อวัดพระธาตุจอมปิงและการสืบทอดเชิงวิถีวัฒนธรรมที่เกี่ยวข้องกับวัด 3) ภาพรวมของสถานการณ์การท่องเที่ยวของวัดพระธาตุจอมปิง ทั้งในอดีตและปัจจุบัน และ 4) การพัฒนาวัดพระธาตุจอมปิงให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมอย่างยั่งยืน จากนั้นจะนำข้อมูลมาวิเคราะห์ โดยการแยกแยะข้อความ ประโยคที่มีความหมายในทิศทางเดียวกัน รวมไว้กลุ่มเดียวกัน โดยมีรหัสข้อความกำกับทุกข้อความ ทุกประโยค กำหนดคำสำคัญ แล้วจึงนำไปเปรียบเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานทางการท่องเที่ยว ผลสรุปจากงานวิจัยพบว่า 1) มี 3 เส้นทางหลัก ในการสัญจรเข้าถึงชุมชนวัดพระธาตุจอมปิง ซึ่งแต่ละเส้นทางมีความแตกต่างกันในด้านของระยะทาง เวลาในการเดินทาง และการเชื่อมโยงกับแหล่งท่องเที่ยวอื่นๆ ตามเส้นทางที่สัญจร และเส้นทางที่นักท่องเที่ยวนิยมใช้ จะเป็นเส้นทางที่ 2 ที่มีความสะดวก ปลอดภัย และเป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวและประชาชนทั่วไป เนื่องจากเป็นเส้นทางที่ผ่านชุมชนเมืองใหญ่ ถนนกว้างขวาง สะดวกและเป็นที่รู้จัก ที่สำคัญเป็นเส้นทางที่สามารถเชื่อมโยงไปยังอีกหลายแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของจังหวัดลำปาง เช่น วัดพระธาตุลำปางหลวง วัดไหล่หิน เป็นต้น 2) สำหรับบริบทของวัดพระธาตุจอมปิง พบว่า ถือเป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมเชิงพุทธ ที่ยังมีจุดเด่นทางด้านความเชื่อมโยงทางประวัติศาสตร์สถานที่ มีความงดงามของสถาปัตยกรรม วัตถุศิลป์ และอยู่ในเขตชุมชนที่คนส่วนใหญ่เป็นคนสูงอายุและเด็ก ทำเกษตรกรรมเป็นอาชีพหลักตามวิถีปฏิบัติสืบต่อกันมา ชุมชนยังคงมีความผูกพันกับวัด และมีการสืบทอดมรดกทางวัฒนธรรมด้านกิจกรรมและประเพณีประจำทุกปีอย่างต่อเนื่อง 3) รูปแบบการพัฒนาการบริหารจัดการการท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมของวัดพระธาตุจอมปิง ควรการนำหลักแนวคิด “บวร” คือ บ้าน วัด และโรงเรียน มาส่งเสริมให้เกิดการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมโดยชุมชน ซึ่งต้องอาศัยการพัฒนา 2 ด้านหลัก คือ 1) การพัฒนาศักยภาพของชุมชนและคุณภาพของแหล่งท่องเที่ยว โดยใช้การมีส่วนร่วมของชุมชน การพัฒนาการสื่อสารงานท่องเที่ยว ความร่วมมือกับหน่วยงานภายนอก การสร้างกระบวนการเรียนรู้สำหรับบุคคลในชุมชน และการสร้างจิตสำนึกรักษ์ถิ่นฐาน เป็นเครื่องมือในการพัฒนา 2) การพัฒนาประสิทธิภาพของการเชื่อมโยงเครือข่ายที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาและส่งเสริมการท่องเที่ยว โดยสร้างความร่วมมือกับภาคการศึกษาในการส่งเสริมให้เกิดระบบการจัดการความรู้ในชุมชน พัฒนาเครือข่ายความสัมพันธ์กับภาครัฐและภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้องการท่องเที่ยวและพัฒนาการตลาดการท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมร่วมกับภาคเอกชนและภาคธุรการท่องเที่ยวและงานบริการ | |
| dc.identifier.uri | https://repository.dusit.ac.th/handle/123456789/12450 | |
| dc.publisher | มหาวิทยาลัยสวนดุสิต | |
| dc.subject | การท่องเที่ยว | |
| dc.subject | การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม | |
| dc.title | การศึกษารูปแบบการพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมอย่างยั่งยืน: กรณีศึกษา จังหวัดลำปาง | |
| mods.location.url | https://ebooks.dusit.ac.th/detail.php?recid=2790 |