การพัฒนาวิสาหกิจชุมชนสนับสนุนการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์เพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับภูมิปัญญาอาหารท้องถิ่นในกลุ่มเมืองมรดกโลกทางวัฒนธรรม (สุโขทัย ศรีสัชนาลัย และกำแพงเพชร, พระนครศรีอยุธยา)

Date
ISBN
Journal Title
Journal ISSN
Volume Title
Resource Type
Publisher
มหาวิทยาลัยสวนดุสิต
Views
Views10
Usage analytics
Journal Title
การพัฒนาวิสาหกิจชุมชนสนับสนุนการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์เพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับภูมิปัญญาอาหารท้องถิ่นในกลุ่มเมืองมรดกโลกทางวัฒนธรรม (สุโขทัย ศรีสัชนาลัย และกำแพงเพชร, พระนครศรีอยุธยา)
Recommended by
Abstract
การวิจัยเรื่อง “การพัฒนาวิสาหกิจชุมชนสนับสนุนการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์เพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับภูมิปัญญาอาหารท้องถิ่นในกลุ่มเมืองมรดกโลกทางวัฒนธรรม (สุโขทัย ศรีสัชนาลัยและกำแพงเพชร, พระนครศรีอยุธยา)” มีวัตถุประสงค์การวิจัย เพื่อจัดทำแผนวิสาหกิจชุมชนและฝึกอบรมกลุ่มแม่บ้านวิสาหกิจชุมชนสนับสนุนการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์เพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับภูมิปัญญาอาหารท้องถิ่นในกลุ่มเมืองมรดกโลกทางวัฒนธรรม (สุโขทัย ศรีสัชนาลัยและกำแพงเพชร, พระนครศรีอยุธยา) ใช้การวิจัยแบบผสมผสาน (Mixed methodology) การวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative research) โดยการคัดเลือกแม่บ้านที่ต้องการประกอบอาชีพทางด้านการทำขนมและอาหารไทยในการฝึกอบรมการพัฒนาผลิตภัณฑ์ภูมิปัญญาอาหารท้องถิ่น และประเมินผลการฝึกอบรม จำนวน 30 คน และการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative research) การสัมภาษณ์เชิงลึก (In-depth Interview) และการสังเกต (Observation) กลุ่มภาคีที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับวิสาหกิจชุมชนสนับสนุนการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ เพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับภูมิปัญญาอาหารท้องถิ่นในกลุ่มเมืองมรดกโลกทางวัฒนธรรม (สุโขทัย ศรีสัชนาลัย-กำแพงเพชร, พระนครศรีอยุธยา) จำนวน 30 คน ทำการวิเคราะห์ SWOT Analysis และกำหนดกลยุทธ์ ผลการวิจัย พบว่า 1. ชุมชนของบ้านนาต้นจั่น อำเภอศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย เป็นชุมชนขนาดใหญ่ มีการจัดตั้งวิสาหกิจชุมชนทอผ้าบ้านนาต้นจั่น และมีการผนวกกิจกรรมเข้ากับการท่องเที่ยวชุมชน เพื่อเป็นการกระตุ้นตลาดและความสนใจของผู้บริโภค เช่น กลุ่มผู้ประกอบการโฮมสเตย์, กลุ่มนวดสปา และกิจกรรมสนับสนุนการท่องเที่ยวในชุมชน นักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวที่บ้านนาต้นจั่นส่วนมากเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวไทย โดยเฉพาะวัยรุ่นที่ต้องการแสวงหาประสบการณ์ที่การท่องเที่ยวได้สัมผัสธรรมชาติ รวมถึงได้เรียนรู้ถึงวิถีชีวิตของคนในท้องถิ่นอย่างแท้จริง ดังนั้นแผนวิสาหกิจชุมชนของบ้านนาต้นจั่น ประกอบด้วย 3 ด้าน คือ (1) ด้านผลิตภัณฑ์ทางการท่องเที่ยว เชิงสร้างสรรค์เพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับภูมิปัญญาอาหารท้องถิ่น โดยการพัฒนาเมนูอาหารภูมิปัญญาท้องถิ่นให้เพิ่มมากขึ้น โดยใช้วัตถุดิบจากในท้องถิ่น, การแปรรูปอาหาร ซึ่งเป็นสูตรพื้นบ้านของบ้านนาต้นจั่น โดยการจัดกิจกรรมที่ให้นักท่องเที่ยวได้มีส่วนร่วม เช่น การทำกับข้าวพื้นบ้านด้วยตนเองตอนพักที่โฮเสตย์ ทั้งนี้ชุมชนควรการจัดการความรู้ของอาหารภูมิปัญญาท้องถิ่นของบ้านนาต้นจั่น เพื่อมิให้องค์ความรู้นั้นสูญหายไป มีการถอดองค์ความรู้และเผยแพร่องค์ความรู้ทางด้านอาหารภูมิปัญญาท้องถิ่นไว้สืบต่อไป (2) ด้านตลาดชุมชนควรทำการตลาดการท่องเที่ยวร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติให้เพิ่มมากยิ่งขึ้น และควรจัดตั้งศูนย์การเรียนรู้การท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์เพื่อเป็นต้นแบบในการศึกษาและดูงานของชุมชนอื่นๆ ที่จะมีการบริหารจัดการท่องเที่ยวโดยชุมชน (3) ด้านการบริหารจัดการองค์กร เช่น ควรมีการพัฒนาไกด์ท้องถิ่นให้สามารถพูดภาษาอังกฤษ พัฒนามาตรฐานโฮมสเตย์ในระดับสากล ปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานในชุมชน ให้มีประสิทธิภาพ จัดทำเอกสารและสื่อประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวของบ้านนาต้นจั่นทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ และควรทำการตลาดออนไลน์เพื่อให้สามารถเข้าถึงกลุ่มตลาดเป้าหมายได้ 2. เมืองนครชุม อำเภอนครชุม จังหวัดกำแพงเพชร เป็นชุมชนที่มีผู้คนหลายชาติพันธุ์ มารวมกันอยู่ มีการจัดตลาดย้อนยุค เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีกแห่งหนึ่งของเมืองกำแพงเพชร เป็นแหล่งเรียนรู้ด้านภูมิปัญญาที่สำคัญของท้องถิ่นในหลายด้าน เช่น ภูมิปัญญาด้านอาหาร การทำขนม การทำพระพิมพ์ สถาปัตยกรรม อาคารบ้านเรือนในท้องถิ่น รวมถึงนิทรรศการภาพเก่าเล่าเรื่องอดีตเมืองนครชุม เป็นต้น ซึ่งเป็นการร่วมมือกันของคนในชุมชน ในปัจจุบันเมืองนครชุม ยังไม่มีการจัดตั้งวิสาหกิจชุมชนเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวเพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับอาหารภูมิปัญญาท้องถิ่นขึ้น ดังนั้นควรมีการรวมกลุ่มของชาวบ้านเพื่อร่วมกันจัดตั้งวิสาหกิจชุมชนขึ้น เพื่อเป็นศูนย์กลาง ในการให้ข้อมูลแก่นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศที่ต้องการศึกษาและเรียนรู้เกี่ยวกับการท่องเที่ยวเพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับอาหารภูมิปัญญาท้องถิ่นนครชุม ดังนั้นแผนวิสาหกิจชุมชนของเมืองนครชุม ประกอบด้วย 3 กลยุทธ์ คือ (1) กลยุทธ์ที่ 1 การเรียนรู้ วิจัย และพัฒนาการให้วิสาหกิจชุมชนและทุกภาคส่วนเกิดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาวิสาหกิจชุมชนภูมิปัญญาท้องถิ่น เพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยว (2) การบริหารจัดการวิสาหกิจชุมชน เพื่อการพึ่งตนเอง มีระบบการบริหารจัดการทุนทั้งที่เป็นตัวเงินและไม่เป็นตัวเงินรวมทั้งมีระบบการจัดสวัสดิการแก่สมาชิกและสาธารณะประโยชน์ได้อย่างเหมาะสม (3) การส่งเสริมและสนับสนุนวิสาหกิจชุมชนและเครือข่ายวิสาหกิจชุมชน อย่างเป็นระบบและมีเอกภาพ 3. บ้านผักไห่ อำเภอผักไห่ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นจังหวัดที่มีภูมิปัญญาและความสามารถในการประกอบอาหารหลายอย่างมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ เช่น ตลาดลาดชะโด มีความคล้ายคลึงกับตลาดสามชุกมาก และยังคงสภาพความเก่าแก่และมนต์ขลังอยู่ โดยผู้วิจัยมองเห็นว่าเป็นโอกาสในการพัฒนาตลาดลาดชะโด และเศรษฐกิจของชาวชุมชนลาดชะโด คือ การพัฒนาฝีมือด้านการทำอาหารทั้งอาหารหวานและอาหารคาว ที่เป็นอาหารพื้นถิ่นของคนลาดชะโด ให้มีความหลากหลาย ในปัจจุบันบ้านผักไห่ ยังไม่มีการจัดตั้งวิสาหกิจชุมชนเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวเพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับอาหารภูมิปัญญาท้องถิ่นขึ้น ดังนั้นควรมีการรวมกลุ่มของชาวบ้านเพื่อร่วมกันจัดตั้งวิสาหกิจชุมชนขึ้น ดังนั้นแผนวิสาหกิจชุมชนของเมืองนครชุม ประกอบด้วย 3 กลยุทธ์ คือ (1) กลยุทธ์ที่ 1 การเรียนรู้ วิจัย และพัฒนา การให้วิสาหกิจชุมชนและทุกภาคส่วนเกิดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาวิสาหกิจชุมชนภูมิปัญญาท้องถิ่น เพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยว (2) การบริหารจัดการวิสาหกิจชุมชนเพื่อการพึ่งตนเอง มีระบบการบริหารจัดการทุนทั้งที่เป็นตัวเงินและไม่เป็นตัวเงินรวมทั้งมีระบบการจัดสวัสดิการแก่สมาชิกและสาธารณะประโยชน์ได้อย่างเหมาะสม (3) การส่งเสริมและสนับสนุนวิสาหกิจชุมชนและเครือข่ายวิสาหกิจชุมชนอย่างเป็นระบบและมีเอกภาพ