พฤติกรรมและความต้องการใช้แท็บเล็ตของนักศึกษาในกรุงเทพมหานคร

Default Image
Date
ISBN
Journal Title
Journal ISSN
Volume Title
Resource Type
Publisher
Views
Views15
Usage analytics
Journal Title
พฤติกรรมและความต้องการใช้แท็บเล็ตของนักศึกษาในกรุงเทพมหานคร
Recommended by
Abstract
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาพฤติกรรมและความต้องการใช้งานแท็บเล็ตของนักศึกษาในกรุงเทพมหานคร 2) เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ของพฤติกรรมการใช้งานแท็บเล็ตกับความต้องการในการใช้งานแท็บเล็ตเพื่อการศึกษา และ 3) เสนอแนะแนวทางในการพัฒนาโปรแกรมประยุกต์เพื่อการศึกษาบนแท็บเล็ต จากประชากรที่เป็นนักศึกษาในเขตกรุงเทพมหานคร โดยศึกษาจากกลุ่มตัวอย่างที่คำนวณสูตรของทาโร่ ยามาเน่ กำหนดความเชื่อมั่นเป็น 95% จำนวน 400 คน เก็บรวบรวมข้อมูลเจาะจงเฉพาะผู้ที่ใช้และเคยใช้แท็บเล็ตเท่านั้น ข้อมูลที่ได้ถูกนำมาใช้ในการวิเคราะห์โดยใช้โปรแกรมสำเร็จรูป คำนวณค่าสถิติร้อยละ ความถี่ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การทดสอบวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว และการวิเคราะห์สหสัมพันธ์เพียร์สัน ผลการวิจัยพบว่า กลุ่มผู้ให้ข้อมูลส่วนใหญ่เป็นเพศชาย คิดเป็นร้อยละ 56 กำลังศึกษาอยู่ในระดับปริญญาตรี ชั้นปีที่ 3 คิดเป็นร้อยละ 32.50 สาขาวิชาสังคมศาสตร์ บริหารธุรกิจ และกฎหมาย คิดเป็นร้อยละ 42.25 มีรายได้อยู่ระหว่าง 5,000-10,000 บาท คิดเป็นร้อยละ 43 เมื่อพิจารณาพฤติกรรมการใช้งานแท็บเล็ต พบว่า กลุ่มผู้ให้ข้อมูลมีการใช้งานบนระบบปฏิบัติการ iOS มากที่สุด รองลงมาคือ Android แบรนด์เป็นปัจจัยที่มีผลต่อพฤติกรรมการตัดสินใจเลือกซื้อและใช้งานแท็บเล็ตมากที่สุด วัตถุประสงค์หลักของการใช้งานแท็บเล็ตคือเพื่อการติดต่อสื่อสาร ใช้งานเฉลี่ยวันละ 3-6 ชั่วโมง มีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านระบบ Wi-Fi ที่บ้านและหอพักบ่อยที่สุด และใช้แอปพลิเคชันที่ไม่ต้องเสียเงิน โดยใช้งานเครือข่ายสังคมออนไลน์ (Social Network เช่น Facebook Twitter Instagram เป็นต้น) มากที่สุด (4.47±0.77) รองลงมา ได้แก่ การติดต่อสื่อสารผ่านแอปพลิเคชันต่าง ๆ อย่าง LINE WeChat และ WhatsApp (4.44±0.75) ส่วนความต้องการใช้แท็บเล็ตเพื่อการศึกษาของนักศึกษา พบว่า นักศึกษามีความต้องการใช้เพื่อติดต่อสื่อสารกับเพื่อนเกี่ยวกับรายงานหรือการบ้าน มากที่สุด (4.22±0.85) รองลงมา ได้แก่ การส่งงาน รายงาน หรือการบ้านให้กับอาจารย์ผู้สอน (3.98±0.89) และเพื่อเข้าใช้งานระบบบริหารการศึกษาหรืองานทะเบียน (3.91±0.86) ตามลำดับ และเมื่อพิจารณารายละเอียด พบว่า ในภาพรวมนักศึกษาที่เรียนในมหาวิทยาลัยรัฐบาลและมหาวิทยาลัยเอกชนมีการความต้องการใช้แท็บเล็ตเพื่อการศึกษามากกว่านักศึกษาที่เรียนในมหาวิทยาลัยราชภัฏ/ราชมงคลอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับความเชื่อมั่นร้อยละ 95 การพิจารณาความสัมพันธ์พฤติกรรมการใช้งานแท็บเล็ตของนักศึกษาในกรุงเทพมหานคร พบว่า มีความความสัมพันธ์เชิงบวกกับความต้องการในการใช้งานแท็บเล็ตเพื่อการศึกษา เมื่อพิจารณาความต้องการเป็นรายด้าน พบว่า ผู้ที่มีความต้องการสืบค้นข้อมูลทั่วไปของมหาวิทยาลัย มีพฤติกรรมที่ใช้งานแท็บเล็ตเพื่อหาข้อมูลทำรายงานหรือการบ้านเป็นหลัก ส่วนผู้ที่มีความต้องการอ่านหนังสือเรียนอิเล็กทรอนิกส์ (e-Book) จะเป็นผู้ที่มีพฤติกรรมอ่านหนังสือและนิตยสารผ่าน e-Book ใกล้เคียงกับผู้ที่เรียนผ่าน e-Learning นอกจากนั้นผู้ที่มีความต้องการใช้งานแท็บเล็ตเพื่ออ่านหรือดาวน์โหลดสื่อการสอน/บทเรียนออนไลน์ เข้าใช้งานห้องสมุดออนไลน์ รวมถึงการบันทึกกิจกรรมการเรียนการสอนหรือโครงการต่าง ๆ สืบค้นข้อมูลการศึกษาต่อ/ทุนการศึกษา จะเป็นผู้ที่มีพฤติกรรมที่ใช้งานแท็บเล็ตเพื่อเรียนผ่าน e-Learning ส่วนแนวทางในการพัฒนา ได้แก่ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทางด้านการศึกษาสามารถนำผลการวิจัยไปใช้ประกอบการพิจารณาสิ่งสนับสนุนการเรียนรู้ที่เป็นสื่ออิเล็กทรอนิกส์ โดยส่งเสริมและสนับสนุนให้บุคลากรทางการศึกษาจัดทำสื่อการเรียนการสอนในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ รวมถึงการแนะนำให้นักศึกษารู้จักและเข้าถึงเนื้อหาการเรียนรู้รูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ที่มหาวิทยาลัยได้จัดหาให้ นอกจากนี้ ยังสามารถนำผลการวิจัยไปเป็นแนวทางในการวางแผนกำหนดนโยบายและยุทธศาสตร์การพัฒนาการศึกษาของไทยในอนาคตทั้งระยะสั้นและระยะยาว บริษัทที่พัฒนาโปรแกรมหรือผู้พัฒนาโปรแกรมสามารถนำผลการวิจัยไปเป็นแนวทางในการกำหนดกลยุทธ์การพัฒนาโปรแกรมประยุกต์ที่รองรับโดยระบบปฏิบัติการที่หลากหลาย สนุบสนุนการการเรียนรู้ทั้งภาษาไทยและภาษาต่างชาติที่ตอบสนองต่อความต้องการใช้งานของนักศึกษาเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่การศึกษาในประเทศไทย รวมถึงการกำหนดกลยุทธ์การตลาดเพื่อเข้าถึงกลุ่มนักศึกษาที่มีความต้องการใช้งานอย่างแท้จริง
Description
Citation
View online resources
Collections