แบบจำลองความเสี่ยงการเกิดโรคภูมิแพ้ในเด็กปฐมวัย
Journal Title
แบบจำลองความเสี่ยงการเกิดโรคภูมิแพ้ในเด็กปฐมวัย
Recommended by
Abstract
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความชุกร่วมของโรคภูมิแพ้ในเด็กไทยและแบบจำลองความเสี่ยงการเกิดโรคภูมิแพ้ในเด็กปฐมวัย การศึกษาความชุกร่วมของโรคภูมิแพ้ได้รวม โรคหอบหืด โรคจมูกอักเสบเนื่องจากภูมิแพ้ และโรคภูมิแพ้ผื่นผิวหนังในเด็กไทยตั้งแต่ในอดีตจนถึงปัจจุบัน โดยวิธีการวิเคราะห์อภิมาน ได้ค้นหางานวิจัยที่เกี่ยวข้องในฐานข้อมูลนานาชาติ (PubMed, Cochrane and Google Scholar) และ ฐานข้อมูลระดับชำติ (ThaiLIS, Thai Thesis Database, TCI, TNRR and University Database) และทำการคัดเลือกงานวิจัยที่ศึกษาความชุกของโรคภูมิแพ้ในเด็กไทยที่ใช้แบบสอบถาม ISAAC เป็นเครื่องมือคำค้นที่ใช้ในการศึกษานี้ คือ ความชุก ภูมิแพ้ ISAAC และ เด็กไทย ซึ่งการคัดเลือกงานวิจัย ที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินการโดยนักวิจัยสองท่ำนอย่างเป็นอิสระ ข้อมูลที่ต้องการจากงานวิจัยที่นำมาศึกษา คือ ผู้แต่ง วันที่ตีพิมพ์ สถานที่ทำการศึกษาขนาดตัวอย่าง ช่วงอายุ (นักเรียนชั้นประถมศึกษา หรือ ชั้นมัธยมศึกษาตามแบบสอบถาม ISAAC) และอัตราความชุก ข้อมูลต่าง ๆ ถูกบันทึกและ วิเครำะห์โดยใช้โปรแกรม R ผลการศึกษาพบว่า จากสถิติ Cochran’s Q และ ดัชนี I2 พบว่ามีความหลากหลายในงานวิจัยที่นำมาศึกษา จึงใช้รูปแบบ random effect ในการรวมข้อมูล และจากสถิติ Peters พบว่าไม่มีอคิติในการตีพิมพ์ และค่าความชุกร่วมของโรคภูมิแพ้และช่วงความเชื่อมั่นที่ 95% ได้ผลดังนี้ ค่าความชุกร่วมของโรคหอบหืดของเด็กไทย คือ 9.99% (95% CI: 8.33-11.64) ส่วนของนักเรียนระดับประถมศึกษา คือ 10.99% (95% CI: 8.76-13.22) และนักเรียนระดับมัธยมศึกษาคือ 10.44% (95% CI: 8.62-12.26) ส่วนค่าความชุกร่วมของจมูกอักเสบเนื่องจากภูมิแพ้ของนักเรียนระดับประถมศึกษา คือ 33.91% (95% CI: 29.15-38.68) และนักเรียนระดับมัธยมศึกษาคือ 44.781% (95% CI: 39.97-49.59) และของเด็กไทย คือ 38.31% (95% CI: 33.37-43.24) สำหรับความชุกโรคภูมิแพ้ผื่นผิวหนังของนักเรียนระดับประถมศึกษา (16.51%) จะสูงกว่าระดับมัธยมศึกษา (12.79%) ส่วนการศึกษาแบบจำลองความเสี่ยงการเกิดโรคภูมิแพ้ในเด็กปฐมวัย ใช้ข้อมูลจากการสำรวจกับผู้ปกครองหรือผู้ดูแลหลักของกลุ่มตัวอย่างในจังหวัดสุราษฎร์ธานีที่มีอายุตั้งแต่ 0 - 6 ปึ กลุ่มตัวอย่าง คือ ผู้ปกครอง/ผู้ดูแลหลักของเด็กปฐมวัยในจังหวัดสุราษฎร์ธานีจำนวน 398 คนและ หลังจากที่ผ่านกระบวนการตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลแล้วจะได้ข้อมูลรวมทั้งสิ้น 179 ชุด และ จะถูกแบ่งข้อมูลเป็น 75% สำหรับการสร้างตัวแบบ และ อีก 25% สำหรับการทดสอบตัวแบบ ผลจากการคัดเลือกตัวแปรพยากรณ์แบบ Forward : Wald จะได้ปัจจัยที่มีนัยสำคัญทำงสถิติที่เกี่ยวข้องกับการเกิดโรคภูมิแพ้ในเด็กปฐมวัย จังหวัดสุราษฎร์ธานีได้แก่ การพี่น้องสายตรงมีประวัติ เป็นโรคภูมิแพ้ การมีโรคประจำตัว การมีโรงงานอยู่แถวบ้านและโรงเรียนของเด็ก และการมีการก่อสร้างอยู่แถวบ้านและโรงเรียนของเด็ก และพบว่าตัวแบบการวิเคราะห์การถดถอยโลจิสติกทวิและ ตัวแบบจำลองโครงข่ายประสาทเทียมที่ประกอบด้วย 2 ชั้นซ่อน ซึ่งในชั้นซ่อนที่ 1 มี 6 โหนด และชั้นซ่อนที่ 2 มี 7 โหนด สำหรับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคภูมิแพ้จากแพทย์ สำมารถจำแนกข้อมูลชุดทดสอบได้ถูกต้อง 73.33%, 68.89% มีค่าความไว เท่ากับ 66.67%, 64.71% และค่าความจ เพาะ เท่ากับ 79.17%,67.86% ตามลำดับ โดยความผิดพลาดส่วนใหญ่ที่เกิดจากทั้งสองตัวแบบคือ ความผิดพลาดแบบ False positive
