การประเมินความต้องการจําเป็นของชุมชนเพื่อการพัฒนาความสามารถต่อการเพิ่มมูลค่าวิสาหกิจการท่องเที่ยวเชิงนิเวศของจังหวัดนครนายก

Date
ISBN
Journal Title
Journal ISSN
Volume Title
Resource Type
Publisher
มหาวิทยาลัยสวนดุสิต
Journal Title
การประเมินความต้องการจําเป็นของชุมชนเพื่อการพัฒนาความสามารถต่อการเพิ่มมูลค่าวิสาหกิจการท่องเที่ยวเชิงนิเวศของจังหวัดนครนายก
Recommended by
Abstract
การวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาและประเมินความต้องการจําเป็นของชุมชนที่มีต่อการพัฒนาวิสาหกิจการท่องเที่ยวเชิงนิเวศภายในชุมชน และเพื่อศึกษาความต้องการจําเป็นที่มีต่อการพัฒนาความสามารถในการเพิ่มมูลค่าด้านภูมิปัญญาชุมชนและท้องถิ่นและทรัพยากรภายในชุมชนสู่วิสาหกิจการท่องเที่ยวเชิงนิเวศของจังหวัดนครนายก เป็นการศึกษาภายใต้กรอบยุทธศาสตร์ การพัฒนาด้านเศรษฐกิจการท่องเที่ยวเชิงนิเวศในชุมชนและท้องถิ่น พื้นที่เป้าหมาย ได้แก่ พื้นที่ซึ่งเป็นที่ตั้งและประกอบการของวิสาหกิจการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ ทั้งในรูปแบบศูนย์การเรียนรู้เชิงนิเวศ รูปแบบการเกษตรธรรมชาติ ไร่นา สวนเกษตรและวิสาหกิจที่เกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับวิสาหกิจท่องเที่ยวเชิงนิเวศ ประชากรเป้าหมาย ได้แก่ ประชาชนในชุมชนซึ่งอาศัยอยู่ในเขตพื้นที่ประกอบการวิสาหกิจ ท่องเที่ยวเชิงนิเวศและวิสาหกิจที่เกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับวิสาหกิจชุมชน การสุ่มตัวอย่างเป็นการสุ่มตัวอย่างแบบหลายขั้นตอนจากพื้นที่ 4 อําเภอของจังหวัดนครนายก ด้วยวิธีการสุ่มตัวอย่างวิสาหกิจ การท่องเที่ยวเชิงนิเวศ และวิสาหกิจที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ด้วยโปรแกรมสุ่มตัวอย่างแบบง่าย จํานวน 10 แห่ง แล้วจึงสุ่มประชากรระดับครัวเรือนในพื้นที่ประกอบการวิสาหกิจนั้น โดยใช้ตารางสุ่มของทาโร่ ยามาเน่ และนําแนวคิดของโคเฮนมาพิจารณาร่วมกัน ดังนั้น ประชากรกลุ่มเป้าหมายในการศึกษานี้ จึงได้กําหนดจํานวนทั้งสิ้น 250 ครัวเรือน นอกจากนั้น ผู้วิจัยยังได้เก็บข้อมูลแบบบังเอิญด้วยการสัมภาษณ์นักท่องเที่ยว จํานวน 100 คน เพื่อนํามาวิเคราะห์ร่วมกับผลการวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้จากการสัมภาษณ์ผู้ประกอบการวิสาหกิจทั้ง 10 แห่ง ข้อมูลจากการประชุมและสัมมนากลุ่มย่อยของผู้ประกอบการและตัวแทนของหน่วยงานภาครัฐ ในขั้นตอนการวิเคราะห์ข้อมูล ผู้วิจัยได้นํากระบวนการศึกษาของลีนเพื่อผลกระทบทางสังคมมาประยุกต์ใช้กับการวิเคราะห์โดยกระบวนการดังกล่าว เป็นกระบวนที่มีการกําหนดสมมติฐานจากการสํารวจพื้นที่ในเบื้องต้น แล้วนํามาค้นหาพฤติกรรมความต้องการของชุมชน เพื่อนําไปกําหนดข้อเสนอเชิงค่านิยมและผลผลิตของการตอบสนองความต้องการจําเป็นขั้นตอนหรือขั้นต่ำ แล้วจึงนําไปทดสอบพฤติกรรมของชุมชน ผลจากการทดสอบได้นํามาวิเคราะห์ร่วมกับผลการวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้จากการประชุมกลุ่มย่อย ข้อมูลจากการสัมภาษณ์ผู้ประกอบการวิสาหกิจที่เกี่ยวข้องและเชื่อมโยงกับ วิสาหกิจการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ รวมทั้งผลการวิเคราะห์ข้อมูลจากนักท่องเที่ยว ผลการวิจัยพบว่า ความต้องการจําเป็นที่ชุมชนต้องการให้สร้างผลผลิตของกิจกรรม การพัฒนาความสามารถต้อการเพิ่มมูลค่าของวิสาหกิจการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ ได้แก่ 1. การบริหารจัดการทรัพยากรชุมชนให้เกิดความยั่งยืน 2. ความสามารถในการบริหารกิจกรรมการผลิตและการบริการ 3. การพัฒนากลไกและเครื่องมือรวมทั้งเทคนิควิธีในการพัฒนาผลผลิตและการบริการให้เกิดมาตรฐานคุณภาพระดับท้องถิ่น 4. การพัฒนากระบวนการส่งเสริมการผลิตและการตลาดที่ไม่มีความซับซ้อน 5. การพัฒนาความสามารถในการให้บริการแก่ผู้บริโภคและผู้ใช้บริการ 6. การพัฒนาความรู้และประสบการณ์ 7. การพัฒนาภาคีและเครือข่ายความร่วมมือของกิจกรรม องค์กรชุมชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 8. การพัฒนาการมีส่วนร่วมในกิจกรรมและการดําเนินงานของชุมชน ข้อเสนอแนะต่อผลการศึกษาที่ได้จากการวิจัย ได้แก่ ประการแรก การสนับสนุนให้สมาชิก ชุมชนได้ใช้ประโยชน์จากศูนย์การเรียนรู้ที่มีอยู่ในพื้นที่ ประการที่สอง การพัฒนาการเชื่อมโยงที่ เข้มแข็งโดยสร้างความเข้าใจถึงกิจกรรมที่เชื่อมโยงภายในชุมชน ประการที่สาม ควรจัดทําคู่มือสําหรับหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนซึ่งมีหน้าที่ในการพัฒนาศักยภาพของชุมชน ประการที่สี่ ควรมีการจัดระบบคิดให้แก่ชุมชน ประการที่ห้า ควรมีการสร้างความเข้าใจและเพิ่มเติมความรู้ในการพัฒนาเครือข่ายและการสร้างภาคีเครือข่าย ประการที่หก ควรมีการสนับสนุนในด้านระบบการจัดเก็บผลผลิต ประการที่เจ็ด ควรมีการศึกษาต่อยอดในลักษณะต่าง ๆ ด้วยการบูรณาการศาสตร์หลายด้าน เพื่อการพัฒนาวิสาหกิจชุมชนและเพื่อการเชื่อมโยงกิจกรรมประเภทต่าง ๆ เข้าด้วยกัน ข้อเสนอแนะในเชิงนโยบาย ได้แก่ ประการแรก การแสดงบทบาทขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการส่งเสริมและสนับสนุนควรมีมากกว่าที่เป็นอยู่ ประการที่สอง ควรมีการสร้างความเข้าใจ ระหว่างหน่วยงานภาครัฐและประชาชนในชุมชนซึ่งประกอบกิจกรรมด้านอาชีพที่มีการเชื่อมโยงกับวิสาหกิจการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ ประการที่สาม หน่วยงานภาคีภาครัฐควรประสานร่วมมือกับชุมชนในการพัฒนาและแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นโดยเฉพาะปัญหาที่ชุมชนต้องการให้ภาครัฐเข้ามาส่งเสริม และสนับสนุน ประการที่สี่ ภาครัฐควรพิจารณาความต้องการที่แท้จริงของภาคประชาชนมากกว่า การนํานโยบายที่ภาครัฐเห็นว่าน่าจะเป็นและภาคประชาชนควรจะเป็นมาปฏิบัติ ประการที่ห้า การสร้างบทบาทให้แก่องค์กรปกครองท้องถิ่นในฐานะภาคีเครือข่ายหนึ่งของชุมชนเป็นสิ่งสําคัญต่อวิสาหกิจต่าง ๆ ของชุมชนรวมทั้งวิสาหกิจการท่องเที่ยวเชิงนิเวศอีกด้วย