การพัฒนารูปแบบบายศรีเชิงพาณิชย์เพื่อส่งเสริม อนุรักษ์ ภูมิปัญญาไทยในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล

Date
ISBN
Journal Title
Journal ISSN
Volume Title
Resource Type
Publisher
มหาวิทยาลัยสวนดุสิต
Usage analytics
Journal Title
การพัฒนารูปแบบบายศรีเชิงพาณิชย์เพื่อส่งเสริม อนุรักษ์ ภูมิปัญญาไทยในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล
Recommended by
Abstract
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ (1) ศึกษารูปแบบการทำบายศรีจากภูมิปัญญาไทย (2) ศึกษาแนวทางการพัฒนาบายศรีเชิงพาณิชย์ (3) ออกแบบร่างบายศรีเชิงพาณิชย์จากภูมิปัญญาไทย (4) พัฒนาต้นแบบบายศรีเชิงพาณิชย์ให้เหมาะกับยุคสมัย และ (5) ถ่ายทอดองค์ความรู้รูปแบบบายศรีที่พัฒนาเชิงพาณิชย์ให้แก่ช่างบายศรี นักศึกษา ประชาชนทั่วไป และผู้บริโภค การวิจัยครั้งนี้ใช้รูปแบบการวิจัยเชิงพัฒนา กลุ่มตัวอย่างประกอบด้วยครูภูมิปัญญา ช่างบายศรี และผู้ประกอบธุรกิจด้านบายศรี จำนวน 10 คน ผู้ใช้บายศรีในพื้นที่วิจัย จำนวน 30 คน ช่างบายศรีที่รับการถ่ายทอดบายศรีต้นแบบ จำนวน 10 คน ผู้เข้ารับการอบรมการถ่ายทอดการทำบายศรีจำนวน 60 คนและผู้บริโภค จำนวน 100 คน เครื่องมือที่ใช้ ได้แก่ แบบสัมภาษณ์ความคิดเห็นรูปแบบและขั้นตอนการประดิษฐ์บายศรี แบบสัมภาษณ์ข้อมูลบายศรีเกี่ยวกับประเภทและวัสดุที่นิยมใช้ในการประดิษฐ์บายศรี แบบประเมินความเหมาะสมของผู้เชี่ยวชาญที่มีต่อแบบร่างบายศรีเพื่อนำไปพัฒนาเชิงพาณิชย์ แบบประเมินความพึงพอใจในการรับรองผลงานของผู้เชี่ยวชาญที่มีต่อรูปแบบบายศรีจากวัสดุ 3 ชนิด แบบประเมินความพึงพอใจของช่างบายศรีที่มีต่อการประดิษฐ์บายศรีจากวัสดุ 3 ชนิด แบบประเมินความพึงพอใจของผู้เข้าอบรมที่มีต่อกระบวนการถ่ายทอดการประดิษฐ์บายศรีจากผ้าลายไทยสู่ชุมชน และแบบประเมินความพึงพอใจของผู้บริโภคที่มีต่อผลิตภัณฑ์บายศรีที่พัฒนา แบบสอบถามทุกฉบับได้ผ่านการตรวจสอบความเที่ยงตรงของเนื้อหาจากผู้เชี่ยวชาญ สถิติที่ใช้ในงานวิจัย ได้แก่ ค่าเฉลี่ยเลขคณิต ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการวิเคราะห์ความแปรปรวนแบบจำแนกทางเดียว ผลการวิจัยพบว่า (1) การศึกษารูปแบบการทำบายศรีจากภูมิปัญญาไทย พบว่า บายศรีที่ใช้ในอดีตมี 2 ประเภท คือ บายศรีของหลวงและบายศรีที่ใช้ในพิธีราษฎร์ซึ่งบายศรีที่จำหน่าย 4 อันดับแรก คือ บายศรีปากชาม บายศรีเทพพนม บายศรีพรหมสี่หน้า และบายศรีตอกล้วย ดอกไม้ที่นิยมใช้ คือ ดอกรัก ดอกพุด ดอกดาวเรือง (2) แนวทางการพัฒนาบายศรีเชิงพาณิชย์ พบว่า ผู้บริโภคเลือกบายศรีปากชามมากที่สุด ร้อยละ 23.33 รองลงมาคือ บายศรีเทพพนม บายศรีพรหมสี่หน้า และบายศรีตอกล้วย มีค่าระดับคะแนนเท่ากัน ร้อยละ 20 ส่วนวัสดุที่เหมาะสมจะนำมาประดิษฐ์บายศรีคัดเลือกมา 1 อันดับ คือ ผ้าโพลิออย ผ้าออแกนซ่า ผ้าลายไทย และดินไทย คิดเป็นร้อยละ 20 (3) การออกแบบร่างบายศรีเชิงพาณิชย์จากภูมิปัญญาไทย พบว่า การออกแบบร่างบายศรี 4 ประเภท คือ บายศรีปากชาม เลือกแบบที่ 1 มีผลการประเมินความพึงพอใจมากที่สุด ร้อยละ 4.8 บายศรีเทพพนมเลือกแบบที่ 3 มีผลการประเมินความพึงพอใจมากที่สุด ร้อยละ 4.94 บายศรีพรหมสี่หน้า เลือกแบบที่ 3 มีผลการประเมินความพึงพอใจมากที่สุด ร้อยละ 5.00 และบายศรีตอกล้วย เลือกแบบที่ 1 มีผลการประเมินความพึงพอใจมากที่สุด ร้อยละ 5.00 (4) การพัฒนาต้นแบบบายศรีเชิงพาณิชย์ให้เหมาะกับยุคสมัย พบว่า บายศรีปากชามจากผ้าโพลิออย+ผ้าออแกนซ่า มีผลการประเมินความพึงพอใจมากที่สุด ร้อยละ 4.90 บายศรีเทพพนมจากผ้าโพลิออย ผ้าออแกนซ่า และดินไทย มีคะแนนที่เท่ากัน ผลการประเมินความพึงพอใจมากที่สุด ร้อยละ 4.96 บายศรีพรหมสี่หน้าจากผ้าโพลิออย ผ้าออแกนซ่า และผ้าลายไทยมีคะแนนที่เท่ากัน ผลการประเมินความพึงพอใจมากที่สุด ร้อยละ 4.96 และบายศรีตอกล้วยจากผ้าโพลิออย ผ้าออแกน และผ้าลายไทยมีคะแนนที่เท่ากัน ผลการประเมินความพึงพอใจมากที่สุด ร้อยละ 4.96 (5) การถ่ายทอดองค์ความรู้รูปแบบบายศรีที่พัฒนาเชิงพาณิชย์ให้แก่ช่างบายศรี นักศึกษาและประชาชนทั่วไป พบว่า ผลประเมินความพึงพอใจรวมทุกด้านของช่างบายศรีมีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ซึ่งพบว่าผลิตภัณฑ์บายศรีจากผ้าลายไทย มีความพึงพอใจรวมทุกด้านมากที่สุด รองลงมาเป็นผลิตภัณฑ์บายศรีจากผ้าออแกนซ่า ผ้าโพลิออย และผลิตภัณฑ์บายศรีจากดินไทยตามลำดับ ผลการประเมินของนักศึกษาและประชาชนทั่วไปที่มีต่อการอบรมเชิงปฏิบัติการ พบว่ามีระดับความพึงพอใจรวมทุกด้านร้อยละ 4.85 และความพึงพอใจของผู้บริโภคที่มีต่อผลิตภัณฑ์บายศรีปากชามทั้ง 3 วัสดุ ไม่มีความแตกต่างกันทางสถิติ มีระดับความพึงพอใจมากที่สุด ความพึงพอใจของผู้บริโภคที่มีต่อผลิตภัณฑ์บายศรีเทพพนมทั้ง 3 วัสดุ ไม่มีความแตกต่างกันทางสถิติ (p>0.05) มีระดับความพึงพอใจมากที่สุด ความพึงพอใจของผู้บริโภคที่มีต่อผลิตภัณฑ์บายศรีพรหม สี่หน้าทั้ง 3 วัสดุ ไม่มีความแตกต่างกันทางสถิติ (p>0.05) มีระดับความพึงพอใจมากที่สุดและความพึงพอใจของผู้บริโภคที่มีต่อผลิตภัณฑ์บายศรีตอกล้วยทั้ง 3 วัสดุ ไม่มีความแตกต่างกันทางสถิติ (p>0.05) มีระดับความพึงพอใจมากที่สุด งานวิจัยครั้งนี้จึงชี้ให้เห็นว่า การพัฒนาผลิตภัณฑ์บายศรีโดยใช้วัสดุผ้าทดแทนการใช้ใบตองสด แต่ต้องคงรูปแบบภูมิปัญญาไทย สามารถนำมาใช้ในเชิงพาณิชย์สำหรับการจำหน่ายในกรุงเทพมหานครและปริมณฑลและได้ข้อมูลที่สะท้อนให้เห็นคติความเชื่อการนำบายศรีมาใช้ในประเพณี และพิธีกรรมของคนไทยที่สืบทอดต่อกันมาจนถึงยุคปัจจุบัน