ผลของการตัดข้อสอบที่มีอำนาจจำแนกติดลบออกต่อคะแนนการสอบและความเชื่อมั่นของข้อสอบทั้งฉบับ: รายวิชามารยาทสังคมและการพัฒนาบุคลิกภาพ

Default Image
Date
ISBN
Journal Title
Journal ISSN
Volume Title
Resource Type
Publisher
Usage analytics
Journal Title
ผลของการตัดข้อสอบที่มีอำนาจจำแนกติดลบออกต่อคะแนนการสอบและความเชื่อมั่นของข้อสอบทั้งฉบับ: รายวิชามารยาทสังคมและการพัฒนาบุคลิกภาพ
Recommended by
Abstract
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ ดังนี้ 1. เพื่อศึกษาคุณภาพของข้อสอบรายวิชามารยาทสังคมและการพัฒนาบุคลิกภาพ 2. เพื่อศึกษาการเปลี่ยนแปลงของค่าความเชื่อมั่นของข้อสอบก่อนและหลังการตัดข้อสอบที่มีค่าอำนาจจำแนกติดลบออก 3. เพื่อศึกษาการเปลี่ยนแปลงของคะแนนการสอบของนักศึกษารายบุคคล ก่อนและหลังการตัดข้อสอบที่มีค่าอำนาจจำแนกติดลบออก 4. เพื่อศึกษาการเปลี่ยนแปลงของลำดับคะแนนจากการสอบของนักศึกษาในวิชามารยาทสังคมและการพัฒนาบุคลิกภาพหลังการตัดข้อสอบที่มีค่าอำนาจจำแนกติดลบออก ประชากร คือ นักศึกษาหลักสูตรพยาบาลศาสตรบัณฑิต ชั้นปีที่ 1 จำนวน 92 คน ที่ลงทะเบียนเรียนวิชามารยาทสังคมและการพัฒนาบุคลิกภาพในภาคการศึกษาที่ 1 ปีการศึกษา 2555 เป็นการศึกษาจากประชากรทั้งหมดที่เข้าถึงได้ เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยข้อสอบปลายภาควิชามารยาทสังคมและการพัฒนาบุคลิกภาพ ผลการวิจัยมีดังนี้ นักศึกษาส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง คิดเป็นร้อยละ 95.65 มีอายุ 19 ปี จำนวน 45 คน คิดเป็นร้อยละ 48.91 รองลงมา อายุ 18 ปี จำนวน 41 คน คิดเป็นร้อยละ 44.57 โดยกลุ่มประชากรในครั้งนี้เป็นนักศึกษาคณะพยาบาลศาสตร์ ชั้นปีที่ 1 รหัส 55 จำนวน 92 คน คิดเป็นร้อยละ 100 ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชามารยาทสังคมและการพัฒนาบุคลิกภาพ นักศึกษาส่วนใหญ่ได้เกรด B+ จำนวน 46 คน คิดเป็นร้อยละ 50 รองลงมาเกรด B จำนวน 37 คน คิดเป็นร้อยละ 40 ของจำนวนประชากรทั้งหมด ข้อสอบชุดนี้มีค่าความยากง่ายหรือค่า p ดังนี้ ข้อสอบที่ค่อนข้างง่ายและค่อนข้างยากมีจำนวนอย่างละ 12 ข้อ เท่ากันคิดเป็นร้อยละ 24 รองลงมาเป็นข้อสอบที่ยากมากมีจำนวน 11 ข้อ คิดเป็นร้อยละ 22 รองลงมาเป็นข้อสอบที่ง่ายมากมีจำนวน 10 ข้อ คิดเป็นร้อยละ 20 และลำดับสุดท้ายเป็นข้อสอบที่มีค่าความยากง่ายปานกลางจำนวน 5 ข้อ คิดเป็นร้อยละ 10 จากการศึกษาคุณภาพของข้อสอบรายวิชามารยาทสังคมและการพัฒนาบุคลิกภาพ โดยค่าความยากง่ายของข้อสอบหรือค่า p ที่เหมาะสมนั้นต้องมีค่าระหว่าง 0.2-0.8 (ล้วน สายยศ และอังคณา สายยศ, 2543, หน้า 185) มีจำนวน 29 ข้อ คิดเป็นร้อยละ 58 ข้อสอบชุดนี้มีค่าอำนาจจำแนก หรือ r ดังนี้ จำแนกได้พอใช้จำนวน 18 ข้อ คิดเป็นร้อยละ 36 รองลงมาเป็นข้อสอบที่มีค่าอำนาจจำแนกต่ำ/ไม่มีค่าอำนาจจำแนกมีจำนวน 15 ข้อ คิดเป็นร้อยละ 30 และเป็นข้อสอบที่มีค่าอำนาจจำแนกน้อยมาก ปานกลาง ติดลบและจำแนกได้ดีมีจำนวน 11 ข้อ 3 ข้อ 2 ข้อ และ 1 ข้อ คิดเป็นร้อยละ 22, 6, 4 และ 2 ตามลำดับ จากการศึกษาคุณภาพของข้อสอบรายวิชามารยาทสังคมและการพัฒนาบุคลิกภาพ โดยค่าอำนาจจำแนกหรือ r ที่เหมาะสมต้องมีค่า .20 ขึ้นไป ซึ่งมีจำนวน 22 ข้อ คิดเป็นร้อยละ 44 ในจำนวนนี้มีข้อสอบที่มีค่าอำนาจจำแนกระดับพอใช้จำนวน 18 ข้อคิดเป็นร้อยละ 36 ที่เหลือมีค่าอำนาจจำแนกระดับปานกลาง 3 ข้อ และระดับดี 1 ข้อ นอกจากนั้นข้อสอบจำนวน 28 ข้อเป็นข้อสอบที่ต้องปรับปรุงแก้ไขเพื่อให้มีค่าอำนาจจำแนกที่จะนำมาใช้ได้ ค่าความยากง่าย (p) และค่าอำนาจจำแนก (r) มา plot จะปรากฏการกระจายของข้อสอบ ซึ่งจะเห็นว่าข้อสอบที่อยู่ในช่วงค่าความยากง่าย .20 - .80 และค่าอำนาจจำแนก .20 - 1.00 มีจำนวน 17 ข้อ คิดเป็นร้อยละ 34 ข้อสอบที่มีค่าอำนาจจำแนกติดลบถูกตัดออกจำนวน 2 ข้อ คิดเป็นร้อยละ 4 ภายหลังการตัดข้อสอบออก ทำให้ความเชื่อมั่นของข้อสอบเพิ่มขึ้นจาก 0.372 เป็น 0.403 จากการเปลี่ยนแปลงค่าความเชื่อมั่นของข้อสอบเพิ่มขึ้นภายหลังการตัดข้อสอบที่มีค่าอำนาจจำแนกเป็นลบออก 2 ข้อ ในส่วนนี้น่าจะมีการตัดข้อสอบที่มีค่าอำนาจจำแนกต่ำกว่า 0.19 ซึ่งมีค่าอำนาจจำแนกน้อยและไม่มีค่าอำนาจจำแนกออกจะส่งผลต่อความเชื่อมั่นของข้อสอบทั้งฉบับ ผลการเปลี่ยนแปลงคะแนนการสอบของนักศึกษาในวิชามารยาทสังคมและการพัฒนาบุคลิกภาพหลังการตัดข้อสอบที่มีค่า r ติดลบออกเพื่อเปรียบเทียบค่าเฉลี่ยของกลุ่มตัวอย่างที่ไม่เป็นอิสระต่อกันด้วยสถิติ Paired t - test พบว่า ก่อนตัดข้อสอบที่มีค่า r ติดลบออก พิสัยของคะแนนเท่ากับ 38 - 72 คะแนนเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 55.70 (7.01) และภายหลังการตัดข้อที่มีค่า r ติดลบออกพิสัยของคะแนนเท่ากับ 37.5 - 72.92 คะแนนเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 53.48 (7.10) จากการศึกษาการเปลี่ยนแปลงของคะแนนการสอบของนักศึกษารายบุคคล ก่อนและหลังการตัดข้อสอบที่มีค่าอำนาจจำแนกติดลบออก ด้วยการวิเคราะห์ค่า Paired t - test เท่ากับ 0.129 และค่า p - value เท่ากับ 0.45 ซึ่งมากกว่า 0.05 คือ ยอมรับสมมติฐานหลัก ปฏิเสธสมมติฐานรอง จากผลที่พบทำให้คะแนนก่อนและหลังตัดค่า r ติดลบออกที่นักศึกษาได้รับไม่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับความเชื่อมั่น 95% ผลการทดสอบการเปลี่ยนแปลงของลำดับคะแนนจากการสอบของนักศึกษาในวิชามารยาทสังคมและการพัฒนาบุคลิกภาพหลังการตัดข้อสอบที่มีค่า r ติดลบออก โดยสถิติ Signed Rank Test พบว่า มีนักศึกษาที่ได้รับคะแนนเพิ่มขึ้นจำนวน 58 คน นักศึกษาที่มีคะแนนลดลงจำนวน 29 คน และนักศึกษาที่คะแนนเท่าเดิมจำนวน 5 คน จากการทดสอบ Signed Rank Test ได้ค่าเท่ากับ p - value 0.0085 ซึ่งน้อยกว่า 0.05 คือ ปฏิเสธสมมติฐาน หมายความว่าหลังการตัดข้อสอบที่มีค่า r ติดลบออก ลำดับคะแนนที่นักศึกษาได้รับจากการสอบของนักศึกษามีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับความเชื่อมั่น 95%
Description
Citation
View online resources
Collections