การพัฒนาระบบสารสนเทศสนับสนุนการเรียนรู้ในโรงเรียนต้นแบบ จังหวัดสุพรรณบุรี

dc.contributor.authorพรรณี สวนเพลง | จารินี ศานติจรรยาพร | ธนิต แสงกระจ่าง
dc.date.accessioned2025-08-19T02:05:28Z
dc.date.accessioned2025-09-03T03:47:02Z
dc.date.available2025-08-19T02:05:28Z
dc.date.available2025-09-03T03:47:02Z
dc.description.abstractการวิจัยเรื่อง “การพัฒนาระบบสารสนเทศสนับสนุนการเรียนรู้ในโรงเรียนต้นแบบ จังหวัดสุพรรณบุรี” มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อประเมินผลการใช้ระบบสารสนเทศสนับสนุนการเรียนรู้ในโรงเรียนต้นแบบ จังหวัดสุพรรณบุรี และ 2) เพื่อจัดทำแผนกลยุทธ์การส่งเสริมการใช้ระบบสารสนเทศสนับสนุนการเรียนรู้ระดับประถมและมัธยมศึกษา มีการศึกษาวิจัยนี้เป็นการวิจัยแบบบูรณาการ (Integrated Approaches) ที่มีการเก็บข้อมูลเชิงปริมาณ (Quantitative research) จากแบบสอบถามซึ่งมีเก็บข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่างที่เป็นนักเรียนในโรงเรียนต้นแบบ (โรงเรียนกรรณสูตรศึกษาลัย โรงเรียนเมธีประมุข โรงเรียนวัดท่าไชย โรงเรียนอนุบาลสุพรรณบุรี และโรงเรียน อนุบาลด่านช้าง) จำนวน 400 คน และมีการเก็บข้อมูลเชิงคุณภาพ (Qualitative research) จากการสัมภาษณ์ผู้ให้ข้อมูลสำคัญจากโรงเรียนต้นแบบ ได้แก่ ผู้บริหาร ครู และนักเรียน ซึ่งมีผลการวิจัยดังนี้ 1) ผลการประเมินผลการใช้ระบบสารสนเทศสนับสนุนการเรียนรู้ในโรงเรียนต้นแบบ จังหวัดสุพรรณบุรี 1.1) ข้อมูลทั่วไปของนักเรียนโรงเรียนต้นแบบ พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถาม จำนวน 400 คน เป็นเพศชายคิดเป็นร้อยละ 57.25 และเป็นเพศหญิงคิดเป็นร้อยละ 42.75 เป็นนักเรียนประถมศึกษาคิดเป็นร้อยละ 45.75 อันดับสอง เป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย คิดเป็นร้อยละ 34.00 และอันดับสามเป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น คิดเป็นร้อยละ 20.25 ความสามารถในการใช้คอมพิวเตอร์ของนักเรียนโรงเรียนต้นแบบ พบว่า มีความสามารถในการใช้คอมพิวเตอร์อยู่ในระดับปานกลาง คิดเป็นร้อยละ 64.00 อันดับสองมีความสามารถในการใช้คอมพิวเตอร์อยู่ในระดับใช้เก่ง คิดเป็นร้อยละ 15.75 และอันดับสาม มีความสามารถในการใช้คอมพิวเตอร์อยู่ในระดับใช้เก่งมาก คิดเป็นร้อยละ 8.75 ความสามารถในการใช้อินเทอร์เน็ตของนักเรียนโรงเรียนต้นแบบ พบว่า มีความสามารถในการใช้อินเทอร์เน็ตอยู่ในระดับปานกลาง คิดเป็นร้อยละ 44.00 อันดับสอง มีความสามารถในการใช้อินเทอร์เน็ตอยู่ในระดับใช้เก่ง คิดเป็นร้อยละ 24.25 และอันดับสาม มีความสามารถในการใช้อินเทอร์เน็ตอยู่ในระดับใช้เก่งมาก คิดเป็นร้อยละ 20.00 1.2) สภาพการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศของโรงเรียนต้นแบบ พบว่า อันดับหนึ่ง ผู้ตอบแบบสอบถามมีการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในส่วนของอินเทอร์เน็ต/เว็บไซต์ มีระดับการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศมาก (X =3.66, SD=1.14) อันดับสอง มีการใช้สื่อมัลติมีเดียประกอบการเรียนการสอน มีระดับการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศมาก (X =3.41, SD=1.20) อันดับสาม มีการใช้ระบบ e Learning มีระดับการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศปานกลางระบบอื่นๆ ได้แก่ (X =3.39, SD=1.07) และน้อยที่สุดคือ (X =0.29, SD=0.99) ระดับการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศน้อยที่สุด 1.3) ความต้องการเทคโนโลยีสารสนเทศของโรงเรียนของผู้ตอบแบบสอบถาม พบว่า อันดับหนึ่ง ต้องการจุดสัญญาณอินเทอร์เน็ต (Wi-Fi) มีความต้องการอยู่ในระดับมากที่สุด (X =4.54, SD=0.90) อันดับสอง ต้องการเครื่องคอมพิวเตอร์ มีความต้องการอยู่ในระดับมากที่สุด (X =4.23, SD=0.93) อันดับสาม ต้องการระบบฐานข้อมูล/ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการเรียน มีความต้องการอยู่ในระดับมาก (X =4.08, SD=0.92) และน้อยที่สุดคือ ระบบอื่นๆ ได้แก่ (X =0.77, SD=1.69) ระดับการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศน้อยที่สุด 1.4) การประเมินการใช้ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศของโรงเรียน (River Deep) พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามมีความถี่ในการใช้ระบบ River Deep 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์ คิดเป็นร้อยละ 72.75 อันดับสอง ไม่เคยใช้ คิดเป็นร้อยละ 20.75 อันดับสาม 3-4 ครั้งต่อสัปดาห์ คิดเป็นร้อยละ 4.50 ช่วงเวลาที่ใช้ระบบ River Deep อันดับหนึ่ง พบว่า ในระหว่างเรียนในห้องเรียน คิดเป็นร้อยละ 39.75 อันดับสอง พักกลางวัน (12.00-13.00 น.) คิดเป็นร้อยละ 34.50 อันดับสาม ก่อนเรียน (8.00-9.00 น.) คิดเป็นร้อยละ 4.50 ตามลำดับ วัตถุประสงค์ของการใช้งาน พบว่า เพื่อเพิ่มการเรียนรู้ภาษาอังกฤษด้วยตนเองให้เพิ่มขึ้น คิดเป็นร้อยละ 41.50 อันดับสอง เพื่อใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ คิดเป็นร้อยละ 28.00 อันดับสาม เพื่อใช้ประกอบการทำการบ้าน รายงาน คิดเป็นร้อยละ 13.50 ตามลำดับ การประเมินผลการใช้งานระบบ River Deep พบว่า ได้รับประโยชน์ทางด้านภาษาอังกฤษจากระบบ River Deep อยู่ในระดับปานกลาง (X =3.24, SD =1.64) อันดับสอง สามารถนำความรู้ที่จากระบบ River Deep มาประยุกต์ใช้ในการเรียนการสอนได้อยู่ในระดับปานกลาง (X =3.23, SD=1.62) อันดับสาม ความพึงพอใจโดยรวมกับระบบ River Deep อยู่ในระดับปานกลาง (X =3.22, SD=1.67) 1.5) การประเมินการใช้ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศของโรงเรียน (SchoolLIB) พบว่า ไม่เคยใช้ คิดเป็นร้อยละ 61.75 อันดับสอง 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์ คิดเป็นร้อยละ 30.75 อันดับ สาม 3-4 ครั้งต่อสัปดาห์ คิดเป็นร้อยละ 4.50 ตามลำดับ ช่วงเวลาที่ใช้ระบบ SchoolLib พบว่า ช่วงพักกลางวัน (12.00-13.00 น.) คิดเป็นร้อยละ 23.75 อันดับสอง ระหว่างเรียนในห้องเรียน คิดเป็นร้อยละ 7.25 อันดับสาม ก่อนเรียน (8.00-9.00 น.) คิดเป็นร้อยละ 4.75 ตามลำดับ วัตถุประสงค์ของการใช้งาน อันดับหนึ่งพบว่า เพื่อใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ คิดเป็นร้อยละ 16.00 x อันดับสอง เพื่อเพิ่มการเรียนรู้ภาษาอังกฤษด้วยตนเองให้เพิ่มขึ้น คิดเป็นร้อยละ 13.75 อันดับสาม เพื่อใช้ประกอบการทำการบ้าน รายงาน คิดเป็นร้อยละ 8.75 ตามลำดับ การประเมินผลการใช้งานระบบ SchoolLib พบว่า ความพึงพอใจโดยรวมกับระบบ SchoolLib อยู่ในระดับน้อยที่สุด (X =1.51, SD=2.01) อันดับสองได้รับประโยชน์ทางด้านภาษาอังกฤษจากระบบ SchoolLib อยู่ในระดับน้อยที่สุด (X =1.49, SD=1.97) อันดับสาม สามารถนำความรู้ที่จากระบบ SchoolLib มาประยุกต์ใช้ในการเรียนการสอนได้ อยู่ในระดับน้อยที่สุด (X =1.48, SD=1.94) 2) แผนกลยุทธ์การส่งเสริมการใช้ระบบสารสนเทศสนับสนุนการเรียนรู้ระดับประถมและมัธยมศึกษา พ.ศ. 2558-2561 มี 5 กลยุทธ์ คือ กลยุทธ์ที่ 1 เพิ่มประสิทธิภาพการเรียนการสอน ด้วยเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อสร้างโอกาสการเรียนรู้ตลอดชีวิต กลยุทธ์ที่ 2 ส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อพัฒนาศักยภาพของนักเรียนเพื่อรองรับอาเซียน กลยุทธ์ที่ 3 ส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในห้องสมุดและแหล่งเรียนเพื่อสนับสนุนการเรียนรู้ด้วยตนเอง กลยุทธ์ที่ 4 พัฒนาทักษะการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศของนักเรียนและครูในโรงเรียน กลยุทธ์ที่ 5 ส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อสนับสนุนการบริหารจัดการของโรงเรียนแบบพลวัต ซึ่งประกอบไปด้วยโครงการทั้งสิ้น จำนวน 13 โครงการ
dc.identifier.urihttps://ebooks.dusit.ac.th/detail.php?recid=1155
dc.identifier.urihttps://repository.dusit.ac.th/handle/123456789/12660
dc.subjectการพัฒนาระบบสารสนเทศ | โรงเรียนต้นแบบ -- สุพรรรบุรี | เทคโนโลยีสารสนเทศ
dc.titleการพัฒนาระบบสารสนเทศสนับสนุนการเรียนรู้ในโรงเรียนต้นแบบ จังหวัดสุพรรณบุรี
Files
Collections