การวิเคราะห์เครือข่ายทางสังคมการจัดการระบบนิเวศป่าชายเลนแม่น้ำเวฬุ จังหวัดจันทบุรี
| dc.contributor.author | แทนทัศน์ เพียกขุนทด | ทักษ์ ทองภูเบศวร์ | |
| dc.date.accessioned | 2025-08-19T02:05:28Z | |
| dc.date.accessioned | 2025-09-03T03:46:46Z | |
| dc.date.available | 2025-08-19T02:05:28Z | |
| dc.date.available | 2025-09-03T03:46:46Z | |
| dc.description.abstract | การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยแบบวิธีผสม มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เพื่อศึกษาลักษณะเครือข่ายทางสังคมของชุมชน ได้แก่ ขนาดของเครือข่ายสนทนา สายสัมพันธ์แบบสนิทและแบบผิวเผิน ตัวเชื่อม ความสัมพันธ์ ความหนาแน่นของเครือข่าย และระยะเวลาในการรักษาความสัมพันธ์ และ 2) เพื่อศึกษาการใช้ประโยชน์ของเครือข่ายทางสังคมต่อการส่งเสริมเครือข่ายชุมชนการจัดการระบบนิเวศป่าชายเลน ปากแม่นํ้าเวฬุ ในลักษณะข้อเสนอเชิงนโยบาย การวิจัยแบ่งเป็น 3 ขั้นตอน คือ ขั้นตอนแรก การวิเคราะห์เครือข่ายทางสังคมการจัดการระบบนิเวศป่าชายเลนแมนํ้าเวฬุ เก็บข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่าง จํานวน 51 ราย ด้วยแบบสอบถาม ขั้นตอนที่สอง การวิเคราะห์การใช้ประโยชน์ของเครือข่ายทางสังคมต่อการส่งเสริมเครือข่ายชุมชนการจัดการระบบนิเวศป่าชายเลนปากแม่นํ้าเวฬุ และขั้นตอนที่สาม ศึกษาการใช้ประโยชน์ของเครือข่ายทางสังคมต่อการส่งเสริมเครือข่ายชุมชนการจัดการระบบนิเวศป่าชายเลน ปากแม่นํ้าเวฬุ ในลักษณะข้อเสนอเชิงนโยบาย วิเคราะห์ข้อมูลสถิติเชิงพรรณนา ความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน และวิเคราะห์ลักษณะทางเครือข่ายทางสังคม ผลการวิจัยพบว่า กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในพื้นที่หมู่ที่ 6 บ้านสีลําเทียน และหมู่ที่ 2 บ้านปากนํ้าเวฬุ หรือบ้านโรงไม้ เป็นชาวบ้าน ชาวประมง และเกษตรกรเพาะเลี้ยงเป็นสวนใหญ่ เกินกว่ากึ่งหนึ่งเป็นผู้หญิงอยู่ในช่วงอายุ 51 - 60 ปี การศึกษาตํ่ากว่าปริญญาตรี อาชีพหลักทําประมง รองลงมา คือทําธุรกิจส่วนตัว มีรายได้เฉลี่ยต่อเดือนอยู่ในช่วง 10,001 - 15,000 บาท มีประสบการณ์ด้านการดูแล รักษาป่าชายเลนแม่นํ้าเวฬุเป็นเวลา 10 - 15 ปี มีลักษณะเครือขายทางสังคมแบ่งเป็นขนาดของเครือข่ายสนทนาเฉลี่ยเท่ากับ 5.169 คน ลักษณะสายสัมพันธ์แบบสนิทที่เกิดขึ้นเฉลี่ยเท่ากับ 3.406 คน และลักษณะความสัมพันธ์แบบผิวเผินมีคาเฉลี่ยเท่ากับ 1.589 คน ตัวเชื่อมความสัมพันธ์มีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 9.693 คน ความหนาแน่นของเครือข่าย และระยะเวลาในการรักษาความสัมพันธ์มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.157 ชั่วโมง/สัปดาห์ บุคคลศูนย์กลางของเครือข่ายและบุคคลที่ใกล้ชิดของสมาชิกเครือข่าย คือ แกนนํากลุ่มของหมู่ที่ 5 บ้านนากุ้ง บุคคลเชื่อมโยงเครือข่าย คือ กลุ่มเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงของหมู่ที่ 6 ประโยชน์ของเครือขายทางสังคมในเรื่องการช่วยแนะนําความรู้ในกระบวนการจัดการระบบนิเวศป่าชายเลน มีประโยชน์มากที่สุด รองลงมา คือ การใช้อ้างอิงเพื่อเข้าถึงบุคคลอื่น หรือสร้างความน่าเชื่อถือ ข้อเสนอ เชิงนโยบายที่สําคัญ 2 ลําดับแรก คือ เร่งควบคุมการบุกรุกป่า การใช้เครื่องมือจับสัตว์นํ้า และการเพาะเลี้ยงสัตว์นํ้าที่ไม่ถูกกฎหมาย และควรมีนโยบายให้ความรู้ ทําความเข้าใจ ให้ข้อมูล และการวางแผน รวมกันอยางมีส่วนร่วมกับกลุ่มประมงที่ทําโพงพางหลัก และจัดให้ตําบลบางชันเป็นพื้นที่พิเศษ เพื่อจัดการทางนํ้าด้วยการกําหนดมาตรการรวมกับชุมชนในการควบคุมฟาร์ม แปลงเพาะเลี้ยงที่เป็นสาเหตุให้นํ้าตื้นเขิน | |
| dc.identifier.uri | https://ebooks.dusit.ac.th/detail.php?recid=1204 | |
| dc.identifier.uri | https://repository.dusit.ac.th/handle/123456789/12208 | |
| dc.subject | ป่าชายเลน -- การวิเคราะห์ | |
| dc.title | การวิเคราะห์เครือข่ายทางสังคมการจัดการระบบนิเวศป่าชายเลนแม่น้ำเวฬุ จังหวัดจันทบุรี |