การผลิตสารออกฤทธิ์จากขนุนโดยวิธีการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง และการสร้างโมเดลเชิงธุรกิจเพื่อประโยชน์เชิงพาณิชย์

Default Image
Date
ISBN
Journal Title
Journal ISSN
Volume Title
Resource Type
Publisher
มหาวิทยาลัยสวนดุสิต
Views
Views3
Usage analytics
Journal Title
การผลิตสารออกฤทธิ์จากขนุนโดยวิธีการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง และการสร้างโมเดลเชิงธุรกิจเพื่อประโยชน์เชิงพาณิชย์
Recommended by
Abstract
การผลิตสารจากแคลลัสเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อจากเมล็ดขนุนเจริญเป็นแคลลัสและสกัดสารจากแคลลัส ตรวจหาสารประกอบ phenolic และ flavonoid และวิเคราะห์ฤทธิ์การต้านอนุมูลอิสระและยับยั้งเอนไซม์ไทโรซิเนส ผลการทดลองการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อจากเมล็ดขนุน โดยเปรียบเทียบอาหารสูตร J1, J2 และ J3 พบว่า แคลลัสสามารถเจริญได้ในอาหารสูตร J1 และ J2 ซึ่งในอาหารสูตร J1 มีการเติม 1 mg/L 2,4-dichlorophenoxyacetic acid (2,4-D) และ 1 mg/L benzyladenine (BA) ส่วนอาหารสูตร J2 มีการเติม 1 mg/L benzyladenine (BA) อย่างเดียว ส่วนอาหารสูตร J3 มีการเติม 2 mg/L benzyladenine (BA) ไม่พบแคลลัสเจริญได้ แคลลัสสามารถเจริญงอกงามได้ดีที่สุดในอาหารสูตร J1 ซึ่งมีสาร 2,4-dichlorophenoxyacetic acid (2,4-D) และ benzyladenine (BA) จากการศึกษาการเจริญของแคลลัสพบว่า แคลลัสของส่วนยอดสามารถเจริญในอาหาร J1 ได้ดีกว่าในอาหาร J2 สำหรับแคลลัสของส่วนลำต้นสามารถเจริญในอาหาร J1 และ J2 ได้ใกล้เคียงกัน และเมื่อตรวจวัดสารประกอบ phenolic จากแคลลัสแห้งปริมาณ 0.1 g พบว่า แคลลัสอายุ 42 วัน ที่เจริญจากส่วนลำต้นของต้นอ่อนอายุ 4 และ 8 สัปดาห์ ให้ปริมาณสารประกอบ phenolic มากกว่า แคลลัสที่เจริญจากส่วนยอดของต้นอ่อนอายุ 4 และ 8 สัปดาห์ อย่างนัยสำคัญทางสถิติ (p < 0.01) และแคลลัสสามารถผลิตสาร artocarpin สารสกัดจากแคลลัสอายุ 42 วัน ที่เจริญจากลำต้นในอาหาร J2 ของต้นอ่อนอายุ 8 สัปดาห์ มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระได้ดีกว่าสารสกัดจากแคลลัสที่เจริญจากต้นอ่อนอายุ 4 สัปดาห์ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p < 0.01) ที่น่าสนใจ พบว่า สารสกัดจากแคลลัสอายุ 42 วัน ที่เจริญจากส่วนยอดและลำต้นในอาหาร J1 ของต้นอ่อนอายุ 8 สัปดาห์ มีฤทธิ์ยับยั้งการทำงานของ tyrosinase ได้ดีกว่าสารสกัดจากแคลลัสที่เจริญจากต้นอ่อนอายุ 4 สัปดาห์ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p < 0.01) นอกจากนี้ การเลี้ยงแคลลัสขนุนในสภาวะที่มีแสงและในที่มืดนั้นแคลลัสไม่มีความแตกต่างในการผลิตสารที่มีฤทธิ์ในการยับยั้งการทำงานของ tyrosinase การศึกษาพฤติกรรมการตัดสินใจซื้อเครื่องสำอางของผู้บริโภค ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมซึ่งแยกได้เป็น 2 ประเภท คือ ความถี่ในการซื้อ และปริมาณเงินที่ใช้จ่ายในการซื้อเครื่องสำอาง งานวิจัยนี้รวบรวมข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่างที่มีอายุมากกว่า 18 ปี จำนวน 500 ตัวอย่าง โดยวิธีการสุ่ม ผู้วิจัยใช้เทคนิค IOC pre-test การสัมภาษณ์เชิงลึก และการโฟกัสกรุ๊ปในการสร้างแบบสอบถามที่มีความเที่ยงและน่าเชื่อถือ ผู้วิจัยพบว่ากลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ซื้อเครื่องสำอางด้วยตนเอง เพศหญิงซื้อมากกว่าเพศชาย ใช้จ่ายในการเลือกซื้อเครื่องสำอางประมาณ 100 - 500 บาทต่อครั้ง เลือกซื้อเครื่องสำอางที่ร้านค้าใกล้บ้าน ห้างสรรพสินค้า และร้านค้าสะดวกซื้อ เพราะความสะดวกสบาย ให้ความสำคัญกับคุณภาพสินค้าและมาตรฐานความปลอดภัยของเครื่องสำอาง บุคคลที่มีอิทธิพลในการเลือกซื้อเครื่องสำอางมากที่สุด คือ ตนเอง เพื่อนสนิท คู่ครอง ดาราและนักร้อง อิทธิพลจากสื่อที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อเครื่องสำอางมากที่สุด คือ เพื่อน และอินเตอร์เน็ตรวมโซเชียลมีเดีย กลุ่มตัวอย่างเห็นว่าราคาเครื่องสำอางควรมีความเหมาะสมเมื่อเทียบกับสินค้าคู่แข่งขัน คุณภาพ และปริมาณ การมีสินค้าจำหน่ายให้ผู้บริโภคเลือกซื้อได้โดยสะดวกก็เป็นสิ่งสำคัญ บรรจุภัณฑ์ที่สวยงามสะท้อนคุณค่าของผลิตภัณฑ์ก็สำคัญเช่นกัน เช่นเดียวกันกับการวางสินค้าอย่างมีระเบียบดูน่าซื้อหา การมีพนักงานที่สุภาพ เอาใจใส่ และมีความรู้ด้านผลิตภัณฑ์และการบริการเป็นอย่างดี นอกจากนี้ การมีการลดแลกแจกแถมในช่วงเทศกาลต่าง ๆ ก็เป็นสิ่งที่ผู้บริโภคให้น้ำหนักความสำคัญเช่นกัน
Description
Citation
View online resources
Collections