การพัฒนาการจัดการระบบสิ่งแวดล้อมเพื่อการผลิตอย่างยั่งยืนของโรงงานอุตสาหกรรมผลิตข้อต่อท่อประปาเหล็ก กรณีศึกษา โรงงานบีสไพพ์ ฟิตติ้งอินดัสตรี จํากัด จังหวัดสมุทรสาคร
| dc.contributor.author | นิยดา สวัสดิพงษ์ | |
| dc.contributor.author | และคณะ | |
| dc.date.accessioned | 2025-09-09T07:47:53Z | |
| dc.date.available | 2025-09-09T07:47:53Z | |
| dc.description.abstract | การวิจัยเรื่อง การพัฒนาการจัดการระบบสิ่งแวดล้อมเพื่อการผลิตอย่างยั่งยืนของโรงงาน อุตสาหกรรมผลิตข้อต่อท่อประปาเหล็ก กรณีศึกษา โรงงานบีสไพพ์ ฟิตติ้งอินดัสตรี จํากัด จังหวัดสมุทรสาคร มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพการผลิตของโรงงานอุตสาหกรรม ต้นแบบผลิตข้อต่อเหล็กให้เป็นอุตสาหกรรมที่มีการดําเนินธุรกิจอย่างมีศักยภาพและยั่งยืน โดยเน้นการจัดการสิ่งแวดล้อมอย่างครบวงจร 2) เพื่อลดการเกิดมลพิษรูปแบบต่าง ๆ อันเนื่องมาจากกระบวนการผลิตของโรงงานอุตสาหกรรมต้นแบบผลิตข้อต่อเหล็ก เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการรักษาสภาวะแวดล้อมอย่างยั่งยืนของสังคมไทย 3) เพื่อส่งเสริมการจัดการสุขภาพ อาชีวอนามัย และความปลอดภัยของโรงงานอุตสาหกรรมต้นแบบผลิตข้อต่อเหล็ก และ 4) เพื่อเผยแพร่งานวิจัย โดยการกระจายองค์ความรู้และเทคโนโลยีเข้าสู่ระดับอุตสาหกรรม ซึ่งจะส่งผลต่อการสร้างศักยภาพและความสามารถเพื่อการพัฒนาทางเศรษฐกิจของประเทศ โดยในการศึกษาวิจัย ประกอบด้วยการศึกษาในประเด็นต่าง ๆ ได้แก่ 1) การศึกษาคุณลักษณะการใช้ประโยชน์ และการบําบัดน้ำทิ้ง 2) การศึกษาการใช้ประโยชน์จากแหล่งน้ำธรรมชาติเพื่อใช้ในกระบวนการผลิต 3) การจัดการกากของเสียและของเสียอันตราย 4) การจัดการปัญหาฝุ่นละออง 5) การจัดการมลพิษ ทางเสียง 6) การสร้างโปรแกรมการอนุรักษ์พลังงานและวิเคราะห์พลังงาน และ 7) การจัดการด้านสุขภาพ ความปลอดภัย และอาชีวอนามัย ผลการวิจัยทั้ง 7 ประเด็นดังกล่าว สามารถตอบเป้าประสงค์หลักของการวิจัยใน 3 ข้อ คือ 1) การพัฒนากระบวนการผลิต 2) การลดของเสียและมลพิษ และ 3) การจัดการด้านสุขภาพความปลอดภัย และอาชีวอนามัย ได้อย่างชัดเจน กล่าวคือ ในด้านการพัฒนากระบวนการผลิตผู้วิจัยได้สร้างโปรแกรมคอมพิเตอร์เพื่อใช้ในการอนุรักษ์พลังงานและเพิ่มประสิทธิภาพการทํางานของเตาหลอมเหล็กคิวโปลา (Cupola Furnace) ซึ่งจากการทดสอบพบว่า สามารถเพิ่มประสิทธิภาพการเผาไหม้จาก 79.9 % เป็น 84.5 % และยังช่วยประหยัดพลังงานได้ถึง2,449,713.99 บาท/ปี ในส่วนของการลดปริมาณของเสียและมลพิษ ผู้วิจัยได้นําเทคโนโลยีการบําบัดและกําจัดของเสียที่เกิดขึ้นในกระบวนการผลิตมาใช้รวมทั้งการประยุกต์ใช้หลักการเทคโนโลยีสะอาด (Clean Technology) เช่น การแยกโลหะหนักออกจากนน้ำเสียด้วยวิธีโบโรไฮโดร์รีดักชันที่ใช้ร่วมกับการใช้เยื่อธูปฤาษี และการนําเศษตะกรันเหล็ก (Slag) และฝุ่นทรายดํา ซึ่งเป็นกากของเสียที่เกิดขึ้นในกระบวนการผลิตมาใช้เป็นวัสดุทดแทนปูนซีเมนต์ในการทําบล๊อก ปูถนน จากการทดสอบ พบว่า เศษตะกรันเหล็กและฝุ่นทรายดําสามารถนํามาใช้เป็นวัสดุทดแทน ปูนซีเมนต์ได้เป็นอย่างดี แต่ควรเลือกในอัตราส่วนของตะกรันเหล็กร้อยละ 20 ที่อายุบ่ม 14 วัน เนื่องจากมีค่ากําลังอัดปะลัยสูงที่สุดและใกล้เคียงกับการใช้ปูนซีเมนต์ เป็นต้น สําหรับการจัดการด้านสุขภาพ ความปลอดภัยและอาชีวอนามัยในโรงงาน พบว่า ปัจจัยที่นําสู่ความยั่งยืนของรูปแบบการจัดการด้านสุขภาพ ความปลอดภัยและอาชีวอนามัย คือ การมีส่วนร่วมของพนักงาน การให้ความสําคัญกับความเป็นอยู่คุณภาพชีวิต และภาวะสุขภาพของพนักงาน ซึ่งส่งผลต่อคุณภาพของผลผลิต และบทบาทของคณะกรรมการเพื่อสุขภาพในองค์กรที่ เป็นต้นแบบพฤติกรรมเพื่อสุขภาพและเป็นผู้ถ่ายทอดความรู้ | |
| dc.identifier.uri | https://repository.dusit.ac.th/handle/123456789/12865 | |
| dc.publisher | มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต | |
| dc.subject | การจัดการทรัพยากรธรรมชาติ | |
| dc.subject | การอนุรักษ์และบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติ | |
| dc.subject | ทรัพยากรธรรมชาติ | |
| dc.title | การพัฒนาการจัดการระบบสิ่งแวดล้อมเพื่อการผลิตอย่างยั่งยืนของโรงงานอุตสาหกรรมผลิตข้อต่อท่อประปาเหล็ก กรณีศึกษา โรงงานบีสไพพ์ ฟิตติ้งอินดัสตรี จํากัด จังหวัดสมุทรสาคร | |
| mods.location.url | https://ebooks.dusit.ac.th/detail.php?recid=0719 |