การพัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์สปาโดยใช้ฐานทรัพยากรในท้องถิ่นเพื่อสร้างบริการมูลค่าสูง (High value)

Default Image
Date
ISBN
Journal Title
Journal ISSN
Volume Title
Resource Type
Publisher
มหาวิทยาลัยสวนดุสิต
Views
Views4
Usage analytics
Journal Title
การพัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์สปาโดยใช้ฐานทรัพยากรในท้องถิ่นเพื่อสร้างบริการมูลค่าสูง (High value)
Recommended by
Abstract
การพัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์สปาโดยใช้ฐานทรัพยากรในท้องถิ่นเพื่อสร้างบริการมูลค่าสูง (High value) มีวัตถุประสงค์ (1) เพื่อพัฒนานวัตกรรมสปาจากสมุนไพร (2) เพื่อพัฒนานวัตกรรม (New treatment) ที่มีการผสมผสานกับภูมิปัญญาท้องถิ่น และ (3) เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในห้องพักของโรงแรมด้วยสมุนไพร โดยใช้วิธีการวิจัยแบบผสมระหว่างการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative research) ด้วยการสัมภาษณ์ผู้ให้ข้อมูลหลัก (Key Informant Interview) ในชุมชนเพื่อวิเคราะห์ศักยภาพของผลิตภัณฑ์และความต้องการของผู้ประกอบการ และการวิจัยเชิงทดลอง (Experimental Research) ด้วยการใช้วัตถุดิบในท้องถิ่น ผลการวิจัยพบว่า 1. การพัฒนานวัตกรรมสปาจากสมุนไพร โดยการนำสมุนไพรท้องถิ่นในจังหวัดชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด มาพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์สปา จำนวน 2 ชนิด ได้แก่ 1.1) ผลิตภัณฑ์มาร์คหน้าชาร์โคลต้านเชื้อก่อโรคและมลภาวะ จากถ่านเปลือกมังคุดด้วยการนำชาร์โคลเปลือกมังคุดมาก่อกัมมันต์ด้วยสารก่อกัมมันต์ระหว่าง H3PO4 และ NaOH พบว่า สาร NaOH จะสามารถก่อกัมมันต์ของถ่านเปลือกมังคุดได้ดีที่สุด ที่อัตราส่วนของสารก่อกัมมันต์ต่อถ่ารโดยมวล 1:3 จะเหมาะสมต่อการดูดซับเชื้อ Staphylococcus epidermidis TISTR 518 Propionibacterium acnes DMST 14916 และ Staphylococcus aureus TISTR 1466 เท่ากับ 91.57 99.13 และ 76.41% เมื่อนำมาตั้งตำรับผลิตภัณฑ์มาส์คหน้าชาร์โคลต้านเชื้อก่อโรคและมลภาวะจะใช้ปริมาณถ่านก่อกัมมันต์ 0.5% จะเหมาะสมและทำให้ผลิตภัณฑ์มีเนื้อดี ไม่หนืด กลิ่นหอม สีออกดำ ซึ่งผลิตภัณฑ์จะมีคุณสมบัติในการดูดซับสิ่งสกปรกตกค้างต่างๆ ให้ออกไปจากผิวทำให้รู้สึกว่าผิวสะอาดไปจนถึงรูขุมขน 1.2) ผลิตภัณฑ์เซรั่มฟื้นฟูสภาพผิวจากสารสกัดข้าวและกรดแลคติกจากข้าวหมัก โดยคัดเลือกสารสกัดหยาบจากข้าว 3 ชนิด ได้แก่ ข้าวหอมมะลิ ข้างแม่พญาทองดำ และข้าวล้นยุ้ง พบว่า สารสกัดหยาบข้าวลั้นยุ้งมีฤทธิ์ในการต้านอนุมูลอิสระได้ดีที่สุด เมื่อทดสอบด้วยด้วยวิธี ABTS และ DPPH ให้ค่า IC50 เท่ากับ 36.08±1.72 และ 37.78±1.74 µg/mL ตามลำดับ มีปริมาณเม็ดสีเมลานินในเซลล์ B16F1 melanoma cells น้อย ไม่เป็นพิษต่อเซลล์ และเลือกกรดแลคติกที่ได้จากการหมัก Rice saccharificate จากข้าวข้าวนางพญาทองดำที่มีน้ำตาล 60 g/L ด้วยแบคทีเรีย L.acidophilus TISTR 2356 พบว่า ให้ปริมาณกรดแลคติกสูงสุดเท่ากับ 3.39% เมื่อนำมาตั้งตำรับเซรั่มฟื้นฟูสภาพผิวจะต้องใช้สารสกัดหยาบข้าวล้นยุ้ง และปริมาณกรดลแคติก และ Carbopol silk 100 polymer เท่ากับ 0.02 25.90 และ 0.30% ตามลำดับ จึงเป็นสูตรที่เหมาะสมเนื่องจากมีเนื้อดี ไม่เหลวมาก ไม่หนืดมาก กลิ่นหอม ผลิตภัณฑ์มีคุณสมบัติทำให้ผิวกระจ่างใสไม่หมองคล้ำ ผิวเรียบเนียน และลดเลือนจุดด่างดำ 2. การพัฒนานวัตกรรม (New treatment) ที่มีการผสมผสานกับภูมิปัญญาท้องถิ่น ได้แก่ 2.1) ผลิตภัณฑ์น้ำมันนวดเท้าจากกระวาน การพัฒนานวัตกรรม (New treatment) ที่มีการผสมผสานกับภูมิปัญญาท้องถิ่น คือ ผลิตภัณฑ์น้ำมันนวดเท้ากระวาน โดยคัดเลือกน้ำมันหอมระเหยเมล็ดกระวาน เมล็ดพริกไทยกำปอทดำและแดงที่กลั่นด้วยน้ำ มาทดสอบฤทธิ์ต้านการอักเสบโดยวิธีการยับยั้งเอนไซม์ Hyaluronidase พบว่า น้ำมันหอมระเหยเมล็ดกระวานมีฤทธิ์ต้านการอักเสบผ่านกลไกยับยั้งเอนไซม์ Hyaluronidase ได้ดีที่สุด (71.98 ± 3.18 %) จึงเลือกน้ำมันหอมระเหยเมล็ดกระวานมาตั้งตำรับสูตรผลิตภัณฑ์น้ำมันนวด และไม่เป็นพิษต่อเซลล์ในช่วงที่ทำการทดสอบที่ความเข้มข้น 0.1-10 %(v/v) ซึ่งต้องใช้น้ำมันหอมระเหยเมล็ดกระวาน 1% ในสูตรผลิตภัณฑ์น้ำมันนวดเท้ากระวานที่ประกอบด้วย: เมนทอล 9%, การะบูร 12%, น้ำมันระกำ 1.5%, น้ำมันยูคาลิปตัส 6%, น้ำมันสมุนไพรรวม 12% น้ำมันมะพร้าว 32% และ น้ำมันปาล์ม 26.5% ทำให้ผลิตภัณฑ์น้ำมันนวดเท้าจากกระวานช่วยลดการอักเสบและปลอดภัยต่อผู้บริโภค ผู้วิจัยทำการทดสอบความพึงพอใจ โดยผ่านการนวดแผนไทย พบว่า น้ำมันนวดสูตรที่ 2 เป็นสูตรที่ดีที่สุด ความพึงพอใจรวมต่อลักษณะทางกายภาพต่อของผลิตภัณฑ์ ความพึงพอใจรวมต่อความรู้สึกของกลุ่มตัวอย่างต่อของผลิตภัณฑ์ ความพึงพอใจรวมต่อความพึงพอใจของกลุ่มตัวอย่าง เมื่อใช้ผลิตภัณฑ์ต่อของผลิตภัณฑ์น้ำมันนวดกระวาน เท่ากับ 4.77±0.43 4.81±0.34 และ 4.82±0.39 ตามลำดับความคิดเห็นของกลุ่มตัวอย่างภายหลังการใช้ผลิตภัณฑ์ พบว่า สีของผลิตภัณฑ์มีความเหมาะสมกับกลิ่น มีความรู้สึกเหนอะหนะพอดี มีความมันบนผิวหนังพอดี ไม่มีอาการผิดปกติหลังการใช้ผลิตภัณฑ์ และความตั้งใจซื้อผลิตภัณฑ์หากมีจำหน่ายในท้องตลาด เท่ากับ 100 72.7 68.2 95.5 และ 86.4% ตามลำดับ 3. การพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในห้องพักของโรงแรมด้วยสมุนไพรในท้องถิ่น ตามความต้องการของผู้ประกอบการ โดยการนำสารสกัดหยาบข้าวทั้ง 3 ชนิด ได้แก่ สารสกัดหยาบข้าวหอมมะลิ ข้าวล้นยุ้ง และข้าวนางพญาทองดำ มาทำการทดสอบฤทธิ์ทางชีวภาพ พบว่า ข้าวล้นยุ้งมีฤทธิ์ในการต้านอนุมูลอิสระ ฤทธิ์ยับยั้งปริมาณเม็ดสีเมลานินของเซลล์ B16-F1 ได้ดีที่สุด และไม่มีความเป็นพิษต่อร่างกาย จึงนำสารสกัดข้าวล้นยุ้งมาพัฒนาพัฒนาผลิตภัณฑ์สบู่ก้อน สบู่เหลว และโลชั่นทาผิว ซึ่งผลิตภัณฑ์ทั้งสามชนิด มีคุณสมบัติทำให้ผิวกระจ่างใส เนียนสวย ไม่หมองคล้ำ และไม่เป็นอันตรายต่อผู้บริโภค หลังจากการตั้งตำรับสูตรผลิตภัณฑ์แล้ว ผู้วิจัยได้มีการถ่ายทอดเทคโนโลยีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในห้องพักของโรงแรมด้วยสมุนไพรในท้องถิ่น ในพื้นที่จังหวัดชลบุรี ระยอง และจันทบุรี มีผู้เข้าร่วมการอบรม จำนวน 200 คน โดยผู้เข้าอบรมสามารถนำความรู้ที่ได้ไปประยุกต์ใช้ได้ในชีวิตประจำวัน และนำไปพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์สินค้าของกลุ่มวิสาหกิจชุมชนในพื้นที่นำไปสู่การสร้างรายได้แก่ชุมชน
Description
Citation
View online resources
Collections