การประเมินความเสี่ยงทางสุขภาพจากการบริโภคอาหารปนเปื้อนสารหนู

Date
ISBN
Journal Title
Journal ISSN
Volume Title
Resource Type
Publisher
มหาวิทยาลัยสวนดุสิต
Views
Views1
Usage analytics
Journal Title
การประเมินความเสี่ยงทางสุขภาพจากการบริโภคอาหารปนเปื้อนสารหนู
Authors
Recommended by
Abstract
การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาปริมาณการปนเปื้อนของสารหนูในดิน น้ำ และพืชที่อยู่ในบริเวณพื้นที่บ่อกากแร่เก่า ต.ร่อนพิบูลย์ อ.ร่อนพิบูลย์ จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นพื้นที่หมู่ 2 และเขตปลายน้ำซึ่งเป็นพื้นที่หมู่ 12 โดยเก็บตัวอย่างในเดือน กุมภาพันธ์ เมษายน และ กรกฏาคม พ.ศ. 2562 และประเมินความเสี่ยงทางด้านสุขภาพจากการบริโภคอาหารและน้ำดื่มที่ปนเปื้อนสารหนู ซึ่งผลการศึกษาปริมาณสารหนูในดินพบว่า ความเข้มข้นของสารหนูมีค่าระหว่าง Below detection limit (BDL) ของเครื่อง - 1.143 mg/kg โดยพบค่าน้อยที่สุดที่บริเวณดินในลำธารหมู่ 12 ซึ่งตรวจวัดความเข้มข้นได้ที่ระดับ BDL ในเดือนกุมภาพันธุ์ ส่วนค่าที่มากที่สุดพบในบริเวณน้ำตกในเขตหมู่ 2 คือ มีค่า 1.143 mg/kg โดยปริมาณความเข้มข้นของสารหนูในดินนั้นมีความแตกต่างกันในแต่ละช่วงเวลา และสถานที่จากการศึกษาปริมาณสารหนูในแหล่งน้ำ ทั้งหมด 4 ตัวอย่าง พบว่า ค่าความเข้มข้นของสารหนูทั้งหมดในตัวอย่างน้ำมีค่า ระหว่าง 0.002 ถึง 0.030 mg/Lโดยพบปริมาณสารหนูมากที่สุดที่จุดเก็บตัวอย่างจากน้ำก๊อกในบ้าน ในเดือนเมษายน มีค่า0.030 mg/L รองลงมาคือ น้ำจากน้ำตก บริเวณหมู่ที่ 2 โดยมีค่า 0.018 มิลลิกรัม/ลิตร และน้อยที่สุดคือ ค่าความเข้มข้นของสารหนูจากลำธารบริเวณ หมู่ที่ 12 โดยมีค่า 0.002 mg/L ซึ่งปริมาณสารหนูในน้ำผิวดินโดยส่วนใหญ่มีค่าเกินมาตรฐานการปนเปื้อนสารหนูในน้ำผิวดินของประเทศไทยคือ 0.01 mg/L จากพืชตัวอย่างทั้งหมด 10 ชนิด พบความเข้มข้นของสารหนูในพืชในส่วนต่าง ๆ มีความแตกต่างกัน โดยพบว่าค่าความเข้มข้นอยู่ระหว่าง BDL - 2.403 mg/kg wet weight โดยค่าที่มากที่สุดพบในก้านของต้นบอน (Colocasia gigantea Hook.f.) ที่เก็บจากบริเวณบ่อกากแร่ ในเดือนกุมภาพันธ์ รองลงมาคือ รากของตะไคร้ คือมีค่า 2.308 mg/Kg wet weight เมื่อนำค่าสารหนูที่มากที่สุดจากพืชคือก้านบอน ผลพริก ผลเงาะ และน้ำดื่มมาประเมินการรับสัมผัส หรือ EDI และความเสี่ยงทางสุขภาพ (THQ) พบว่า การรับสัมผัสในแต่ละวัน สูงสุดคือ 2.739 mg/Kg BW/day จากการบริโภคน้ำดื่มที่เป็นน้ำก๊อกในครัวเรือน ส่วนการบริโภคพืชผักผลไม้มีค่า EDI สูงสุดจากการบริโภคบอนในอัตรา 5 g/day คือ 0.548 mg/Kg BW/day และผลเงาะในอัตรา 85 g/day คือ 0.729 mg/Kg BW/day เมื่อประเมินความเสี่ยงทางสุขภาพ หรือ THQ พบว่าเมื่อพิจารณาคำนวณแยกแต่ละอาหารที่เลือกมาคำนวณนั้น มีความเสี่ยงต่ำเนื่องจากค่า THQ น้อยกว่า 1 แต่เมื่อพิจารณาว่าหากบริโภคอาหารทุกชนิดในแต่ละวัน ตลอดช่วงอายุขัย ในอัตราการบริโภคที่กำหนด พบว่า มีอาจเกิดความเสี่ยงทางสุขภาพเนื่องจากค่า THQ รวมกันเกิน 1 คือ 1.517 จากการศึกษานี้พบว่าประชาชนในพื้นที่ใกล้เคียงบ่อกากแร่ ไม่ควรนำผักที่เพาะปลูกบริเวณบ่อกากแร่มาบริโภค และควรดื่มน้ำจากแหล่งอื่นเพื่อลดความเสี่ยงทางสุขภาพ