Thai Perceptions of Special Education การศึกษาพิเศษในสายตาคนไทย

dc.contributor.authorพรชณิตว์ แก้วเนตร
dc.contributor.authorพรพรรณ บัวทอง
dc.contributor.authorมลิวัลย์ ธรรมแสง
dc.contributor.authorCao Siyuan
dc.contributor.authorApple Professional Specialist
dc.contributor.authorพิทักษ์ จันทร์เจริญ
dc.contributor.authorศิโรจน์ ผลพันธิน
dc.contributor.authorKhandu Wangmo
dc.contributor.authorNyendo Tshering
dc.contributor.authorPema Wangmo
dc.contributor.authorBryan Joshua Bernado
dc.contributor.authorCaroline Ll. Ferrer
dc.contributor.authorJasmine Smonte Dean
dc.contributor.authorJohn Sherwin Dean
dc.contributor.authorKyle Joseph Matutina
dc.contributor.authorJenifer Lyn Vinola
dc.contributor.authorTran Van Ho
dc.contributor.authorThi Thi Huong Le
dc.contributor.authorNguyen Trong Dan
dc.date.accessioned2025-07-02T03:36:35Z
dc.date.available2025-07-02T03:36:35Z
dc.date.issued2025-06-18
dc.description.abstractเอกสารประชุมวิชาการระดับนานาชาติว่าด้วยการศึกษาพิเศษครั้งที่ 9 (ISSED9) เรื่อง "การศึกษาพิเศษในสายตาคนไทย" จัดโดยสถาบันศิโรจน์ผลพันธินร่วมกับสวนดุสิตโพล ณ มหาวิทยาลัยสวนดุสิต ระหว่างวันที่ 11–13 มิถุนายน 2025 สามารถสรุปบทคัดย่อและคำสำคัญได้ดังนี้ การนำเสนอผลการสำรวจความคิดเห็นประชาชนทั่วประเทศจำนวน 1,619 คน เกี่ยวกับ "การศึกษาพิเศษในสายตาคนไทย" ซึ่งดำเนินการโดยความร่วมมือระหว่างสถาบันศิโรจน์ผลพันธินและสวนดุสิตโพล ผลการสำรวจสะท้อนให้เห็นว่า สังคมไทยให้ความสำคัญกับการศึกษาพิเศษในฐานะ "สิทธิมนุษยชนพื้นฐาน" มากกว่าจะเป็นเพียงบริการเฉพาะกลุ่ม โดยมีการเน้นย้ำว่าการพัฒนาศักยภาพของพ่อแม่ผ่านการอบรม (68.25%) และการพัฒนาเทคโนโลยีสื่อการเรียนการสอน (67.14%) เป็นปัจจัยสำคัญในการส่งเสริมการศึกษาสำหรับเด็กที่มีความต้องการพิเศษ ประชาชนยังเห็นพ้องว่า ทักษะที่ควรได้รับการส่งเสริมมากที่สุดในเด็กกลุ่มนี้คือทักษะการช่วยเหลือตนเองในชีวิตประจำวัน (83.88%) ตามด้วยทักษะการแก้ปัญหาและการตัดสินใจ และทักษะทางสังคมและการสื่อสาร ซึ่งสะท้อนถึงการให้ความสำคัญต่อ "ทักษะชีวิตจริง" มากกว่าความสำเร็จทางวิชาการ บทบาทของมหาวิทยาลัยและสถาบันการศึกษา ควรมุ่งเน้นที่การอบรมครูและผู้ปกครอง (76.47%) รวมทั้งพัฒนาหลักสูตรเฉพาะทางและเทคโนโลยีเพื่อสนับสนุนการเรียนรู้ของเด็กที่มีความต้องการพิเศษ ในขณะที่บทบาทของรัฐ ควรให้ความสำคัญกับการพัฒนาระบบคัดกรองและการช่วยเหลือแต่เนิ่นๆ (64.05%) ควบคู่กับการพัฒนาหลักสูตรผลิตครูเฉพาะด้าน ข้อค้นพบเหล่านี้นำไปสู่ข้อเสนอแนะเชิงนโยบายที่ว่า การศึกษาพิเศษควรถูกมองว่าเป็น “ระบบสาธารณะ” ที่มีความครอบคลุม (inclusive) และยึดหลักความเท่าเทียม (equity) โดยอาศัยการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วน ทั้งครอบครัว ครู ผู้บริหารการศึกษา และชุมชน นอกจากนี้ยังมีข้อเสนอจากผู้เชี่ยวชาญในประเทศและต่างประเทศ เช่น จากภูฏาน ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม ซึ่งต่างให้การยอมรับว่า ประเทศไทยได้ดำเนินการด้านการศึกษาพิเศษในทิศทางที่ก้าวหน้า พร้อมเสนอให้มีการต่อยอดผลสำรวจสู่การปฏิบัติในระดับนโยบายและแผนยุทธศาสตร์ระดับประเทศ
dc.identifier.urihttps://repository.dusit.ac.th/handle/123456789/7151
dc.publisherสวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต
dc.subjectการศึกษาพิเศษ
dc.subjectเด็กที่มีความต้องการพิเศษ
dc.subjectทักษะชีวิต
dc.subjectความเท่าเทียมทางการศึกษา
dc.subjectระบบสนับสนุนครอบครัว
dc.subjectการคัดกรองแต่เนิ่นๆ
dc.subjectเทคโนโลยีการศึกษาช่วยพิเศษ
dc.subjectบทบาทของมหาวิทยาลัย
dc.subjectการเรียนร่วม
dc.subjectนโยบายสาธารณะทางการศึกษา
dc.subjectสถาบันศิโรจน์ผลพันธิน
dc.subjectสวนดุสิตโพล
dc.subjectมหาวิทยาลัยสวนดุสิต
dc.subjectประชุมวิชาการระดับนานาชาติ
dc.subjectการศึกษาพิเศษครั้งที่ 9
dc.subjectISSED9
dc.subjectISSED
dc.titleThai Perceptions of Special Education การศึกษาพิเศษในสายตาคนไทย
mods.location.urlhttps://ebooks.dusit.ac.th/detail.php?recid=4393
Files
Original bundle
Now showing 1 - 1 of 1
Default Image
Name:
การศึกษาพิเศษ2-Update 18.06.68_compressed.pdf
Size:
7.93 MB
Format:
Adobe Portable Document Format
License bundle
Now showing 1 - 1 of 1
Default Image
Name:
license.txt
Size:
371 B
Format:
Item-specific license agreed to upon submission
Description: