Repository logo
  • English
  • ภาษาไทย
  • Log In
    Have you forgotten your password?
header.image.logo
  • English
  • ภาษาไทย
  • Log In
    Have you forgotten your password?
  • Communities & Collections
  • All of SDU IR
    • By Issue Date
    • By Author
    • By Title
    • By Subject
    • By Subject Category
  • Statistics
  • About Us
    • Guidelines
    • Send Feedback
  1. Home
  2. Browse by Author

Browsing by Author "Khandu Wangmo"

Now showing 1 - 1 of 1
Results Per Page
Sort Options
  • Loading...
    Thumbnail Image
    Item
    Thai Perceptions of Special Education การศึกษาพิเศษในสายตาคนไทย
    (สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต, 2025-06-18) พรชณิตว์ แก้วเนตร; พรพรรณ บัวทอง; มลิวัลย์ ธรรมแสง; Cao Siyuan; Apple Professional Specialist; พิทักษ์ จันทร์เจริญ; ศิโรจน์ ผลพันธิน; Khandu Wangmo; Nyendo Tshering; Pema Wangmo; Bryan Joshua Bernado; Caroline Ll. Ferrer; Jasmine Smonte Dean; John Sherwin Dean; Kyle Joseph Matutina; Jenifer Lyn Vinola; Tran Van Ho; Thi Thi Huong Le; Nguyen Trong Dan
    เอกสารประชุมวิชาการระดับนานาชาติว่าด้วยการศึกษาพิเศษครั้งที่ 9 (ISSED9) เรื่อง "การศึกษาพิเศษในสายตาคนไทย" จัดโดยสถาบันศิโรจน์ผลพันธินร่วมกับสวนดุสิตโพล ณ มหาวิทยาลัยสวนดุสิต ระหว่างวันที่ 11–13 มิถุนายน 2025 สามารถสรุปบทคัดย่อและคำสำคัญได้ดังนี้ การนำเสนอผลการสำรวจความคิดเห็นประชาชนทั่วประเทศจำนวน 1,619 คน เกี่ยวกับ "การศึกษาพิเศษในสายตาคนไทย" ซึ่งดำเนินการโดยความร่วมมือระหว่างสถาบันศิโรจน์ผลพันธินและสวนดุสิตโพล ผลการสำรวจสะท้อนให้เห็นว่า สังคมไทยให้ความสำคัญกับการศึกษาพิเศษในฐานะ "สิทธิมนุษยชนพื้นฐาน" มากกว่าจะเป็นเพียงบริการเฉพาะกลุ่ม โดยมีการเน้นย้ำว่าการพัฒนาศักยภาพของพ่อแม่ผ่านการอบรม (68.25%) และการพัฒนาเทคโนโลยีสื่อการเรียนการสอน (67.14%) เป็นปัจจัยสำคัญในการส่งเสริมการศึกษาสำหรับเด็กที่มีความต้องการพิเศษ ประชาชนยังเห็นพ้องว่า ทักษะที่ควรได้รับการส่งเสริมมากที่สุดในเด็กกลุ่มนี้คือทักษะการช่วยเหลือตนเองในชีวิตประจำวัน (83.88%) ตามด้วยทักษะการแก้ปัญหาและการตัดสินใจ และทักษะทางสังคมและการสื่อสาร ซึ่งสะท้อนถึงการให้ความสำคัญต่อ "ทักษะชีวิตจริง" มากกว่าความสำเร็จทางวิชาการ บทบาทของมหาวิทยาลัยและสถาบันการศึกษา ควรมุ่งเน้นที่การอบรมครูและผู้ปกครอง (76.47%) รวมทั้งพัฒนาหลักสูตรเฉพาะทางและเทคโนโลยีเพื่อสนับสนุนการเรียนรู้ของเด็กที่มีความต้องการพิเศษ ในขณะที่บทบาทของรัฐ ควรให้ความสำคัญกับการพัฒนาระบบคัดกรองและการช่วยเหลือแต่เนิ่นๆ (64.05%) ควบคู่กับการพัฒนาหลักสูตรผลิตครูเฉพาะด้าน ข้อค้นพบเหล่านี้นำไปสู่ข้อเสนอแนะเชิงนโยบายที่ว่า การศึกษาพิเศษควรถูกมองว่าเป็น “ระบบสาธารณะ” ที่มีความครอบคลุม (inclusive) และยึดหลักความเท่าเทียม (equity) โดยอาศัยการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วน ทั้งครอบครัว ครู ผู้บริหารการศึกษา และชุมชน นอกจากนี้ยังมีข้อเสนอจากผู้เชี่ยวชาญในประเทศและต่างประเทศ เช่น จากภูฏาน ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม ซึ่งต่างให้การยอมรับว่า ประเทศไทยได้ดำเนินการด้านการศึกษาพิเศษในทิศทางที่ก้าวหน้า พร้อมเสนอให้มีการต่อยอดผลสำรวจสู่การปฏิบัติในระดับนโยบายและแผนยุทธศาสตร์ระดับประเทศ

มหาวิทยาลัยสวนดุสิต copyright © 2002-2025

  • Cookie settings
  • Privacy policy
  • End User Agreement