วันปิติ ธรรมศรีจามรี กลางคารเยาวเรศ ส่วนบุญเกียรติดำรง สังคมศิลป์2025-07-032025-09-032025-07-032025-09-03https://repository.dusit.ac.th/handle/123456789/12399การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผลกระทบจากปัญหาความเสื่อมโทรมของทรัพยากรดินจากการใช้สารเคมีของเกษตรกร และเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการทรัพยากรดินและการฟื้นฟูความอุดมสมบูรณ์เพื่อการผลิตมันสำปะหลังในชุมชน กลุ่มตัวอย่าง คือ ตัวแทนเกษตรกรที่ทำการเพาะปลูกมันสำปะหลังในอำเภอพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรี จำนวน 314 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ แบบสอบถาม สถิติที่ใช้ในงานวิจัย คือ ค่าแจกแจงความถี่ (Frequency Distributions) ค่าร้อยละ (Percentage or Percent) ค่าเฉลี่ย (Average, Mean) ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน (standard deviation) และการทดสอบความแตกต่างระหว่างค่าเฉลี่ย (T-Test) ผลการวิจัยมีดังนี้ จากข้อมูลทั่วไปของเกษตรกรเกี่ยวกับการใช้สารเคมี จำนวน 314 คน พบว่า เกษตรกรเป็นเพศชาย ร้อยละ 93.95 เพศหญิง ร้อยละ 6.05 ส่วนใหญ่มีระดับการศึกษาสูงกว่าระดับประถมศึกษา ร้อยละ 51.59 ส่วนใหญ่มีรายได้ครัวเรือนโดยเฉลี่ยต่อปีต่ำกว่า 50,000 บาท ร้อยละ 66.88 และส่วนใหญ่เป็นเกษตรกรผู้ใช้สารเคมีในการปลูก ร้อยละ 96.82 และไม่ใช้สารเคมีในการเพาะปลูก ร้อยละ 3.18 จากการศึกษาผลกระทบจากปัญหาความเสื่อมโทรมของทรัพยากรดินของเกษตรกร พบว่า เกษตรกรผู้ใช้สารเคมีและไม่ใช้สารเคมีในการเพาะปลูกมันสำปะหลังได้รับผลกระทบจากปัญหาความเสื่อมโทรมของดินแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p-value<0.05) ทั้งปัจจัยด้านการเตรียมดินในการเพาะปลูก การใช้วัสดุปรับปรุงฟื้นฟูดิน การเจริญเติบโตของมันสำปะหลัง และผลผลิตของมันสำปะหลัง เมื่อเปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างเกษตรกรผู้ใช้สารเคมีและไม่ใช้สารเคมีต่อความต้องการในการแก้ไขปัญหาความเสื่อมโทรมของทรัพยากรดิน พบว่า มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติเพียงปัจจัยเดียว คือ การทำร่องปลูก (p-value<0.05) ส่วนปัจจัยการไถพรวนดิน การปลูกพืชปุ๋ยสด การฉีดพ่นปุ๋ยอินทรีย์น้ำ และการใส่เชื้อจุลินทรีย์ ไม่แตกต่างกัน สำหรับการศึกษาแนวทางเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการทรัพยากรดินและการฟื้นฟูความอุดมสมบูรณ์เพื่อการผลิตมันสำปะหลังในชุมชนในครั้งนี้ พบว่า แนวการทางการเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการทรัพยากรดินด้วยหลัก 6 ป คือ ประเมินดินก่อนปลูก ปรับปรุงดินด้วยการไถพรวนดิน ปรับปรุงดินด้วยพืชปุ๋ยสด ปรับปรุงดินด้วยการทำร่องปลูก ปรับปรุงดินด้วยปุ๋ยอินทรีย์น้ำ และปรับปรุงดินด้วยเชื้อจุลินทรีย์ก่อนปลูกมันสำปะหลังสามารถแก้ไขปัญหาดินได้ อย่างไรก็ตามจากการศึกษาประสิทธิผลของการเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการดินต่อการยอมรับของเกษตรกร พบว่า โดยรวมเกษตรกรยอมรับต่อการจัดการดิน ใน 6 ด้านเฉลี่ยเท่ากับ 3.82 ซึ่งมีเกณฑ์การประเมินอยู่ในระดับมากและโดยรวมเกษตรกรมีความพึงพอใจ เฉลี่ยเท่ากับ 3.65 ซึ่งอยู่ในเกณฑ์ความพึงพอใจระดับมากเช่นเดียวกันการจัดการดินการเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการดินและการฟื้นฟูความอุดมสมบูรณ์เพื่อการผลิตมันสำปะหลังในชุมชน