ปาจรีย์พร สีตะธนี2/12/20232/12/20232013https://repository.dusit.ac.th/handle/123456789/629การวิจัยนี้ใช้วิธีวิจัยแบบผสมผสานเพื่อพัฒนารูปแบบการค้นหาผู้เรียนที่มีความต้องการพิเศษระดับปฐมวัยในโรงเรียนสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ ประกอบด้วย การสอบถามผู้บริหารโรงเรียนครูปฐมวัย และผู้ปกครองผู้เรียนระดับปฐมวัยในโรงเรียนสังกัด กระทรวงศึกษาธิการ จํานวน 345 โรง ที่ได้จากการสุ่มตัวอย่างแบบหลายขั้นตอน การสัมภาษณ์ กลุ่มผู้ให้ข้อมูลสําคัญที่เป็นกลุ่มผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย 6 คน และการสนทนากลุ่มการสํารวจเพื่อศึกษาสภาพปัจจุบันการปฏิบัติในกระบวนการค้นหาผู้เรียนที่มีความต้องการพิเศษระดับปฐมวัยของโรงเรียนสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ พบว่า ทุกกลุ่มมีความคิดเห็นตรงกันใน 4 อันดับแรก คือ การให้ความช่วยเหลือก่อนพิจารณาส่งต่อเข้ารับบริการทางการศึกษาพิเศษ การสร้างความตระหนักให้แก่ผู้เกี่ยวข้องกับผู้เรียนปฐมวัย การติดตาม พัฒนาการผู้เรียนปฐมวัย และการรับผู้เรียนที่มีความต้องการพิเศษจากการส่งต่อ ส่วนอีก 3 ด้าน แต่ละกลุ่มมีความคิดเห็นแตกต่างกัน สําหรับปัจจัยสําคัญอันดับแรกที่ส่งผลต่อการค้นหา ค้นพบผู้เรียนที่มีความต้องการพิเศษระดับปฐมวัย ในความคิดเห็นของผู้บริหาร เป็นด้านบทบาทหน้าที่ของผู้เกี่ยวข้องกับผู้เรียนปฐมวัย ส่วนกลุ่มครูปฐมวัยและกลุ่มผู้ปกครอง เป็นด้านความร่วมมือของผู้เกี่ยวข้องในการให้การเก็บรวบรวม และการใช้ข้อมูลเพื่อการพิจารณาระดับพัฒนาการและความบกพร่องล่าช้าแนวทางในการค้นหาผู้เรียนที่มีความต้องการพิเศษระดับปฐมวัยในโรงเรียนสังกัด ผู้ทรงคุณวุฒิทุกคนให้ความสําคัญต่อการปฏิบัติตามบทบาทหน้าที่ของกระทรวงศึกษาธิการ ผู้ปกครอง แพทย์/บุคลากรทางการแพทย์ และโรงเรียน ในฐานะเป็นผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับผู้เรียนปฐมวัย โดยภาครัฐมีบทบาทในการกําหนดนโยบายและดําเนินการอย่างเป็นระบบสอดคล้องกับบริบทของแต่ละโรงเรียนองค์ประกอบของรูปแบบการค้นหาผู้เรียนที่มีความต้องการพิเศษระดับปฐมวัยเด็กที่มีความต้องการพิเศษเด็กที่มีความต้องการพิเศษ ระดับปฐมวัยการพัฒนารูปแบบการค้นหาผู้เรียนที่มีความต้องการพิเศษ ระดับปฐมวัยในโรงเรียนสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ